การใช้ SPSS ขั้นพื้นฐาน
โปรแกรม SPSS เป็นโปรแกรมที่ใช้ประโยชน์ในการคำนวณหาค่าทางสถิติที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งมีการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การหาค่าความถี่ และค่าอื่น ๆ อีกหลายค่า
ข้อมูลที่ใช้ในการเก็บมาหาค่าทางถิติต่างๆ อย่างน้อยต้องมีข้อมูล จำนวน 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 เป็นข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนของข้อมูลที่ต้องการทราบที่จะต้องมาทำการวิจัย
ส่วนคอลัมน์ต่างๆ ที่มีในโปรแกรม SPSS ดังนี้ Name Type Width Decimals Lable Values Missing Colums
ชื่อข้อมูลแต่ละชุด จะอยู่ภายใต้คอลัมน์ Name จะต้องพิมพ์หัวข้อว่า ID ส่วน คอลัมน์ Type จะเป็นชนิดของข้อมูล เช่น เพศหญิง เพศชาย ส่วน คอลัมน์ Width จะเป็นความกว้างหรือจำนวนทศนิยมที่ต้องการ ส่วนช่อง Values ให้ใส่รายละเอียดของข้อมูล
การคำนวณ จะคำนวณจากข้อมูลเป็นชุดๆ เช่น ข้อมูล ชุด A1 - A5 มีจำนวน 5 จำนวน เป็นต้น
วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใบงานที่ ๑๑ แสดงความคิดเห็นต่อ อ.ผู้สอน
จากการที่ได้เรียนรู้กับ อ.อภิชาติ วัชรพันธุ์ พอที่จะสรุปได้ดังนี้
1. อ.ให้ความรู้และเกร็ดความรู้ดี แต่ อ.สอนเร็วไปหน่อย
2. อ.ให้เทคนิควิธีการต่างๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้
3. อ.สอนการนำไปใช้ในขั้นสูง ซึ่งบางคนยังไม่มีพื้นความรู้เดิม ก็จะตามไม่คอยทัน
4. สิ่งที่ อ.สอน สามารถนำไปสร้าง สื่อ นวัตกรรม ใช้กับการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี
5. สิ่งที่ อ.สอน สามารถนำไปสร้าง สื่อ นวัตกรรม ที่สามารถนำเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อขอกำหนดตำแหน่งได้เป็นอย่างดี
6. อ.ตั้งใจสอนเป็นอย่างดี
7. อ.ให้การบ้านและลงใน Blog ซึ่งบางครั้งไม่สะดวกเพราะว่าต้องไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตที่โรงเรียน และที่โรงเรียนมีงานอื่นๆที่ต้องทำอีกมากมาย ก็เลยทำให้งานออกมาไม่ค่อยจะสวยงามเท่าที่ควร เพราะมีเวลาทำน้อย บางครั้งเน็ตเข้าไม่ได้
8. อ.ใจดี ต่อนักศึกษา หวังดีต่อนักศึกษา อยากให้นักศึกษา ทำสื่อนวัตกรรมให้เก่ง
9. อ.มีความยืดหยุ่นต่อการส่งงาน ทำให้ไม่เครียดเท่าไหร่ เมื่อส่งงานไม่ทันตามกำหนด
1. อ.ให้ความรู้และเกร็ดความรู้ดี แต่ อ.สอนเร็วไปหน่อย
2. อ.ให้เทคนิควิธีการต่างๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้
3. อ.สอนการนำไปใช้ในขั้นสูง ซึ่งบางคนยังไม่มีพื้นความรู้เดิม ก็จะตามไม่คอยทัน
4. สิ่งที่ อ.สอน สามารถนำไปสร้าง สื่อ นวัตกรรม ใช้กับการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี
5. สิ่งที่ อ.สอน สามารถนำไปสร้าง สื่อ นวัตกรรม ที่สามารถนำเสนอผลงานทางวิชาการเพื่อขอกำหนดตำแหน่งได้เป็นอย่างดี
6. อ.ตั้งใจสอนเป็นอย่างดี
7. อ.ให้การบ้านและลงใน Blog ซึ่งบางครั้งไม่สะดวกเพราะว่าต้องไปใช้บริการอินเตอร์เน็ตที่โรงเรียน และที่โรงเรียนมีงานอื่นๆที่ต้องทำอีกมากมาย ก็เลยทำให้งานออกมาไม่ค่อยจะสวยงามเท่าที่ควร เพราะมีเวลาทำน้อย บางครั้งเน็ตเข้าไม่ได้
8. อ.ใจดี ต่อนักศึกษา หวังดีต่อนักศึกษา อยากให้นักศึกษา ทำสื่อนวัตกรรมให้เก่ง
9. อ.มีความยืดหยุ่นต่อการส่งงาน ทำให้ไม่เครียดเท่าไหร่ เมื่อส่งงานไม่ทันตามกำหนด
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใบงานที่ สิบ ประวัติเจ้าของบล็อก
ชื่อ น.ส. วิมล นาวารัตน์
สถานที่ เกิด อำเภอเมือง จ้งหวัดนครศรีธรรมราช
ระดับการศึกษา
ระดับประถมศึกษาตอนต้น ที่ โรงเรียนวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช
ระดับประถมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนวัดอินทคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ระดับชั้น ปวช. วิชาเอกบัญชี ที่โรงเรียนเทคนิคไทยบัณฑิต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ระดับชั้น ปวส. วิชาเอกบัญชี ที่โรงเรียนนครพาณิชยการ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ระดับปริญาตรี ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิชาเอกสาขาการจัดการทั่วไป
ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ที่ ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ปัจจุบันกำลังศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
การทำงาน
สถานที่ทำงานครั้งแรก โรงเรียนสิชลประชาสรรค์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2529 ในตำแหน่งคร 2
สถานที่ทำงานและตำแหน่งก่อนที่มาดำรงตำแหน่งปัจจุบัน คือ ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนสิชลประชาสรรค์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
สถานที่และตำแหน่งปัจจุบัน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีฯ
ใบงานที่ ๖ ประโยชน์ของ Google
www.google.co.th ใช้ประโยชน์ ดังนี้
1. Google ช่วยแปลเว็บไซต์ที่เราค้นหาได้ที่เป็นภาษาอื่น มิใช่ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ฯลฯ ให้เป็นเว็บภาษาอังกฤษได้ ด้วยการคลิกที่ Language Tools (เครื่องมือเกี่ยวกับภาษา) ที่หน้าแรกของ Google เพื่อเปิดการทำงานของตัวแปลภาษา หรือให้แปลเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ทั้งหน้าได้ โดยใส่ชื่อ URL ที่ต้องการให้ Google แปลลงในกรอบ Translate the Website
2. ค้นหาโดยระบุคำสั่งพิเศษ โดยใช้การค้นหาแบบ Advanced Search (ค้นหาแบบละเอียด) เพื่อบอก ให้ Google จำกัดขอบเขตการค้นหาให้เหลือเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 12 เดือน ที่ผ่านมาเท่านั้น
3.สามารถค้นหาไฟล์ข้อมูลที่อยู่ในรูป doc, pdf, ps ฯลฯ ได้ด้วยการกำหนดรูปแบบเอกสารของผลการค้นหาแบบเฉพาะเจาะจง
4.ค้นด้วยคำที่มีความหมายเหมือนกัน โดยให้ใส่เครื่องหมาย Tilde (~) หน้าคำที่ต้องการค้นหา โดยไม่ต้องเว้นวรรค Google จะค้นหาคำ Synonym ของคำที่เราต้องการค้นหาให้ด้วย
5.ค้นหาเฉพาะกลุ่ม โดยใช้ Special Google Searches เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการค้นหา
6.ใช้ Google ช่วยในการคำนวณ
7.ชอปปิ้งด้วย Google : Froogle
8.ตรวจสอบราคาหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นของอเมริกา
9.สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ
อ้างอิง http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3872ac8a53e03acf
2. การค้นหาข้อมูลขั้นสูงมีวิธีการอย่างไร
1.Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำพวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature หรือ final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนตรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"
7. Google สามารถแปลเว็บภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเว็บ)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf)
Adobe PostScript (นามสกุลของไฟล์ ps)
Lotus 1-2-3 (นามสกุลของไฟล์ wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
Lotus WordPro (นามสกุลของไฟล์ lwp)
MacWrite (นามสกุลของไฟล์ mw)
Microsoft Excel (นามสกุลของไฟล์ xls)
Microsoft PowerPoint (นามสกุลของไฟล์ ppt)
Microsoft Word (นามสกุลของไฟล์ doc)
Microsoft Works (นามสกุลของไฟล์ wks, wps, wdb)
Microsoft Write (นามสกุลของไฟล์ wri)
Rich Text Format (นามสกุลของไฟล์ rtf)
Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt)
วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเว็บบางเว็บที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
11.Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com แต่คุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12.Google สามารถค้นหาเว็บที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
13.ถ้าคุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I'm Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเว็บนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I'm Feeling Lucky หรือ ใช่เลย! เจอแน่ๆ ใน Google ไทย
14.Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ
15.Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์
first name (or first initial), last name, city (state is optional)
first name (or first initial), last name, state
first name (or first initial), last name, area code
first name (or first initial), last name, zip code
phone number, including area code
last name, city, state
last name, zip code
แล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน
16.Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com )
17.Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย
อ้างอิง http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=91026.0
3. web ที่ใช้ค้นหาข้อมูลนอกจาก google
ตัวอย่างเว็บไซต์เครื่องค้นหาได้แก่ http://www.yahoo.com, http://www.infoseek.com, http://altavista.com, http://thaiseek.com
อ้างอิง http://www.sa.ac.th/elearning/index33.htm
4. การกำหนดหมวดหมู่ในการค้นหา โดยใช้ google
ค้นหารูปได้แสนง่าย
ความสามารถที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบกันนักหนา และสร้างชื่อให้กับ Google ก็คือการค้นหารูปภาพด้วย Google Search ครับ วิธีการใช้ก็คือ
1. คลิกเมนูลิ้งค รูปภาพ จากนั้นก็พิมพ์ชื่อภาพที่ต้องการค้นหา และคลิกปุ่มค้นหารูปภาพ
- Google ค้นหาไฟล์ได้
Google สามารถค้นหาไฟล์เอกสารที่สำคัญๆ ได้ดังนี้
Adobe Portable Document Format ( ไฟล์นามสกุล . pdf)
Adobe PostScript ( ไฟล์นามสกุล . ps)
Lotus 1-2-3 ( ไฟล์นามสกุล . wk1, .wk2, .wk3, .wk4, .wk5, .wki, .wks และ . wku)
Lotus WordPro ( ไฟล์นามสกุล . lwp)
MacWrite ( ไฟล์นามสกุล . mw)
Microsoft Excel ( ไฟล์นามสกุล . xls)
Microsoft PowerPoint ( ไฟล์นามสกุล . ppt)
Microsoft Word ( ไฟล์นามสกุล . doc)
Microsoft Works ( ไฟล์นามสกุล . wks, .wps, .wdb)
Microsoft Write ( ไฟล์นามสกุล . wri)
Rich Text Format ( ไฟล์นามสกุล . rtf)
Shockwave Flash ( ไฟล์นามสกุล . swf)
Text ( ไฟล์นามสกุล . ans, .txt)
- เว็บไซต์ที่ถูกลบไปแล้ว Google ก็ยังค้นหาได้อยู่
เพราะก่อนหน้านี้เว็บไซต์ที่ถูกลบเหล่านั้นได้ถูกบรรจุหรือจัดเก็บไว้ในเครื่องที่เรียกว่า Cache ของ Google ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ เช่น บางลิงค์ที่ผู้ใช้งานคลิกเข้าชมไม่ได้อันเนื่องมาจากถูกลบออกไปแล้ว ผู้งานก็เพียงแต่คลิกที่เมนู หน้าที่ถูกเก็บไว้ ครับ
- ค้นหาหน้าเว็บที่มีข้อมูลคล้ายกันได้
ในบางครั้งเมื่อ Cache จะไม่สามารถช่วยผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์นั้นได้ แต่ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายกัน โดคลิกไปยังเมนู หน้าที่คล้ายกัน ครับ
- Google สามารถค้นหาเว็บทั้งหมดที่เชื่อมมายังเว็บนั้นได้
โดยพิมพ์ link: ชื่อ URL ของเว็บ ในช่อง Search ของ Google เช่น link:www.plawan.com เป็นการค้นหาลิงค์ที่เชื่อมมายังเว็บของปลาวาฬดอตคอมเป็นต้น
- Google สามารถหาคำเฉพาะเจาะจงในเว็บไซต์นั้นๆ ได้
โดยพิมพ์ คำที่ค้นหา site: ชื่อ URL ของเว็บ ในช่อง Search ของ Google เช่น Google Earth site:www.kapook.com ซึ่งเป็นการหาหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ Google Earth ในเว็บไซต์ของ Kapook นั่งเองครับ
- ค้นหาแบบวัดดวงกันบ้าง
จะวัดดวงค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google กันสักครั้งคงไม่เป็นไร เพราะถ้าดวงดีผู้ใช้ก็จะได้ไม่เสียเวลามานั่นเลือกให้เมื่อตุ้มครับ โดยพิมพ์ Keyword สำหรับค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการจากนั้นคลิกที่ปุ่ม ดีใจจัง ค้นหาแล้วเจอเลย
- ค้นหาบทสรุปของหนังสือก่อนตัดสินใจซื้อ
ก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อหนังสือสักเล่ม ผู้ใช้น่าจะทราบก่อนว่าเนื้อหามีอะไรบ้าง หรือมีโอกาสได้ดูสารบัญของหนั้งสือเล่มนั้นเสียก่อนครับ Google Search สามารถบอกผู้ใช้ได้เพียงใส่ชื่อหนังสือหลังคำว่า books about ชื่อหนังสือ เช่น books about Harry Potter
อ้างอิง http://www.kapook.com/google/search/
1. Google ช่วยแปลเว็บไซต์ที่เราค้นหาได้ที่เป็นภาษาอื่น มิใช่ภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ เช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สเปน ฯลฯ ให้เป็นเว็บภาษาอังกฤษได้ ด้วยการคลิกที่ Language Tools (เครื่องมือเกี่ยวกับภาษา) ที่หน้าแรกของ Google เพื่อเปิดการทำงานของตัวแปลภาษา หรือให้แปลเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ทั้งหน้าได้ โดยใส่ชื่อ URL ที่ต้องการให้ Google แปลลงในกรอบ Translate the Website
2. ค้นหาโดยระบุคำสั่งพิเศษ โดยใช้การค้นหาแบบ Advanced Search (ค้นหาแบบละเอียด) เพื่อบอก ให้ Google จำกัดขอบเขตการค้นหาให้เหลือเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่ผ่านการตรวจสอบจาก Google ในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน หรือ 12 เดือน ที่ผ่านมาเท่านั้น
3.สามารถค้นหาไฟล์ข้อมูลที่อยู่ในรูป doc, pdf, ps ฯลฯ ได้ด้วยการกำหนดรูปแบบเอกสารของผลการค้นหาแบบเฉพาะเจาะจง
4.ค้นด้วยคำที่มีความหมายเหมือนกัน โดยให้ใส่เครื่องหมาย Tilde (~) หน้าคำที่ต้องการค้นหา โดยไม่ต้องเว้นวรรค Google จะค้นหาคำ Synonym ของคำที่เราต้องการค้นหาให้ด้วย
5.ค้นหาเฉพาะกลุ่ม โดยใช้ Special Google Searches เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการค้นหา
6.ใช้ Google ช่วยในการคำนวณ
7.ชอปปิ้งด้วย Google : Froogle
8.ตรวจสอบราคาหุ้นของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นของอเมริกา
9.สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ
อ้างอิง http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=3872ac8a53e03acf
2. การค้นหาข้อมูลขั้นสูงมีวิธีการอย่างไร
1.Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back... (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำพวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature หรือ final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนตรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น "front mission 3" -filetype:pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย " " เช่น "Breath of fire IV"
7. Google สามารถแปลเว็บภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า "Translate this page" ด้านข้างชื่อเว็บ)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf)
Adobe PostScript (นามสกุลของไฟล์ ps)
Lotus 1-2-3 (นามสกุลของไฟล์ wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
Lotus WordPro (นามสกุลของไฟล์ lwp)
MacWrite (นามสกุลของไฟล์ mw)
Microsoft Excel (นามสกุลของไฟล์ xls)
Microsoft PowerPoint (นามสกุลของไฟล์ ppt)
Microsoft Word (นามสกุลของไฟล์ doc)
Microsoft Works (นามสกุลของไฟล์ wks, wps, wdb)
Microsoft Write (นามสกุลของไฟล์ wri)
Rich Text Format (นามสกุลของไฟล์ rtf)
Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt)
วิธีใช้ filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น "Chrono Cross" filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเว็บบางเว็บที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
11.Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com แต่คุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12.Google สามารถค้นหาเว็บที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
13.ถ้าคุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I'm Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเว็บนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I'm Feeling Lucky หรือ ใช่เลย! เจอแน่ๆ ใน Google ไทย
14.Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ
15.Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์
first name (or first initial), last name, city (state is optional)
first name (or first initial), last name, state
first name (or first initial), last name, area code
first name (or first initial), last name, zip code
phone number, including area code
last name, city, state
last name, zip code
แล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน
16.Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com )
17.Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย
อ้างอิง http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=91026.0
3. web ที่ใช้ค้นหาข้อมูลนอกจาก google
ตัวอย่างเว็บไซต์เครื่องค้นหาได้แก่ http://www.yahoo.com, http://www.infoseek.com, http://altavista.com, http://thaiseek.com
อ้างอิง http://www.sa.ac.th/elearning/index33.htm
4. การกำหนดหมวดหมู่ในการค้นหา โดยใช้ google
ค้นหารูปได้แสนง่าย
ความสามารถที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ชอบกันนักหนา และสร้างชื่อให้กับ Google ก็คือการค้นหารูปภาพด้วย Google Search ครับ วิธีการใช้ก็คือ
1. คลิกเมนูลิ้งค รูปภาพ จากนั้นก็พิมพ์ชื่อภาพที่ต้องการค้นหา และคลิกปุ่มค้นหารูปภาพ
- Google ค้นหาไฟล์ได้
Google สามารถค้นหาไฟล์เอกสารที่สำคัญๆ ได้ดังนี้
Adobe Portable Document Format ( ไฟล์นามสกุล . pdf)
Adobe PostScript ( ไฟล์นามสกุล . ps)
Lotus 1-2-3 ( ไฟล์นามสกุล . wk1, .wk2, .wk3, .wk4, .wk5, .wki, .wks และ . wku)
Lotus WordPro ( ไฟล์นามสกุล . lwp)
MacWrite ( ไฟล์นามสกุล . mw)
Microsoft Excel ( ไฟล์นามสกุล . xls)
Microsoft PowerPoint ( ไฟล์นามสกุล . ppt)
Microsoft Word ( ไฟล์นามสกุล . doc)
Microsoft Works ( ไฟล์นามสกุล . wks, .wps, .wdb)
Microsoft Write ( ไฟล์นามสกุล . wri)
Rich Text Format ( ไฟล์นามสกุล . rtf)
Shockwave Flash ( ไฟล์นามสกุล . swf)
Text ( ไฟล์นามสกุล . ans, .txt)
- เว็บไซต์ที่ถูกลบไปแล้ว Google ก็ยังค้นหาได้อยู่
เพราะก่อนหน้านี้เว็บไซต์ที่ถูกลบเหล่านั้นได้ถูกบรรจุหรือจัดเก็บไว้ในเครื่องที่เรียกว่า Cache ของ Google ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ เช่น บางลิงค์ที่ผู้ใช้งานคลิกเข้าชมไม่ได้อันเนื่องมาจากถูกลบออกไปแล้ว ผู้งานก็เพียงแต่คลิกที่เมนู หน้าที่ถูกเก็บไว้ ครับ
- ค้นหาหน้าเว็บที่มีข้อมูลคล้ายกันได้
ในบางครั้งเมื่อ Cache จะไม่สามารถช่วยผู้ใช้ค้นหาเว็บไซต์นั้นได้ แต่ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคล้ายกัน โดคลิกไปยังเมนู หน้าที่คล้ายกัน ครับ
- Google สามารถค้นหาเว็บทั้งหมดที่เชื่อมมายังเว็บนั้นได้
โดยพิมพ์ link: ชื่อ URL ของเว็บ ในช่อง Search ของ Google เช่น link:www.plawan.com เป็นการค้นหาลิงค์ที่เชื่อมมายังเว็บของปลาวาฬดอตคอมเป็นต้น
- Google สามารถหาคำเฉพาะเจาะจงในเว็บไซต์นั้นๆ ได้
โดยพิมพ์ คำที่ค้นหา site: ชื่อ URL ของเว็บ ในช่อง Search ของ Google เช่น Google Earth site:www.kapook.com ซึ่งเป็นการหาหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ Google Earth ในเว็บไซต์ของ Kapook นั่งเองครับ
- ค้นหาแบบวัดดวงกันบ้าง
จะวัดดวงค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google กันสักครั้งคงไม่เป็นไร เพราะถ้าดวงดีผู้ใช้ก็จะได้ไม่เสียเวลามานั่นเลือกให้เมื่อตุ้มครับ โดยพิมพ์ Keyword สำหรับค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการจากนั้นคลิกที่ปุ่ม ดีใจจัง ค้นหาแล้วเจอเลย
- ค้นหาบทสรุปของหนังสือก่อนตัดสินใจซื้อ
ก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อหนังสือสักเล่ม ผู้ใช้น่าจะทราบก่อนว่าเนื้อหามีอะไรบ้าง หรือมีโอกาสได้ดูสารบัญของหนั้งสือเล่มนั้นเสียก่อนครับ Google Search สามารถบอกผู้ใช้ได้เพียงใส่ชื่อหนังสือหลังคำว่า books about ชื่อหนังสือ เช่น books about Harry Potter
อ้างอิง http://www.kapook.com/google/search/
ใบงานที่ ๗ การใส่คุณลักษณะพิเศษในบล็อก
วันอาทิตย ที่ 10 ธันวาคม 2552
1.การใส่ปฏิทิน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิด google พิมพ์คำว่า code ปฏิทิน กด enter เปิดเวปที่เกี่ยวข้อง เพื่อ copy code เมื่อทำการ copy เสร็จแล้วให้เปิดบล็อกของตนเอง แล้วเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget จากนั้น คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน
2.การใส่นาฬิกา มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิด google พิมพ์คำว่า code นาฬิกา กด enter เปิดเวปที่เกี่ยวข้อง เพื่อ copy code เมื่อทำการ copy เสร็จแล้วให้เปิดบล็อกของตนเอง แล้วเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget จากนั้น คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน
3.การทำสไลด์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ให้เข้าไปใน www.slide.com จากนั้น ทำการสมัครสมาชิกให้เรียบร้อย
จากนั้น เข้าสู่ระบบ โดยการใส่ username และ password ที่ได้สมัครไปข้างต้น หลังจากเข้าสู่ระบบเรียบร้อยให้ คลิ๊กตรง สร้างการแสดงภาพสไลด์ จากนั้นไปที browse เพื่อเพิ่มรูปภาพที่ต้องการ เมื่อทำการ upload รูปเสร็จ ก็ไปในส่วน ดัดแปลงแบบของคุณ ทำการเลือกรูปแบบ หลากหลาย ขนาด เอ๊ฟเฟกต่างๆ ตามใจชอบ เมื่อเลือกได้ตามที่ต้องการ ให้บันทึก เพื่อรับรหัส code จากนั้น copy code ที่ได้ไปวางไว้ในส่วนของบทความใหม่ หรือใน Gadget ก็ได้. เสร็จแล้ว คลิ๊ก บันทึก เพื่อยืนยัน
4. การปรับแต่งสีใน blog มีขั้นตอนดังนี้
เปิด blog ของตัวเอง เข้าไปในส่วนของ รูปแบบ จากนั้น คลิ๊ก แบบอักษรและสี สามารถเลือกปรับแต่งสี ในส่วนต่างๆของหน้า blog เมื่อเลือกเสร็จให้คลิ๊ก บันทึกการเปลี่ยนแปลง
เพื่อยืนยัน
5. การใส่เพลง มีขั้นตอนดังนี้
ให้เข้าไปใน http://happyvampires.gmember.com/home.php?1402
จากนั้น คลิ๊กเลือกเพลงที่ต้องการ copy embed เพื่อนำ code ที่ได้ไปวางไว้ในบล็อกตัวเอง โดยอาจจะวางในส่วนของบทความใหม่ ก้อได้
1.การใส่ปฏิทิน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิด google พิมพ์คำว่า code ปฏิทิน กด enter เปิดเวปที่เกี่ยวข้อง เพื่อ copy code เมื่อทำการ copy เสร็จแล้วให้เปิดบล็อกของตนเอง แล้วเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget จากนั้น คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน
2.การใส่นาฬิกา มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิด google พิมพ์คำว่า code นาฬิกา กด enter เปิดเวปที่เกี่ยวข้อง เพื่อ copy code เมื่อทำการ copy เสร็จแล้วให้เปิดบล็อกของตนเอง แล้วเข้าไปที่รูปแบบ จากนั้นคลิ๊ก ในส่วนองค์ประกอบของหน้า เพิ่ม Gadget จากนั้น คลิ๊กในส่วนของ html /จาวาสคริป นำโค๊ดที่ได้วางไว้ในส่วนของเนื้อหา แล้วกด บันทึก (save) เพื่อยืนยัน
3.การทำสไลด์ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ให้เข้าไปใน www.slide.com จากนั้น ทำการสมัครสมาชิกให้เรียบร้อย
จากนั้น เข้าสู่ระบบ โดยการใส่ username และ password ที่ได้สมัครไปข้างต้น หลังจากเข้าสู่ระบบเรียบร้อยให้ คลิ๊กตรง สร้างการแสดงภาพสไลด์ จากนั้นไปที browse เพื่อเพิ่มรูปภาพที่ต้องการ เมื่อทำการ upload รูปเสร็จ ก็ไปในส่วน ดัดแปลงแบบของคุณ ทำการเลือกรูปแบบ หลากหลาย ขนาด เอ๊ฟเฟกต่างๆ ตามใจชอบ เมื่อเลือกได้ตามที่ต้องการ ให้บันทึก เพื่อรับรหัส code จากนั้น copy code ที่ได้ไปวางไว้ในส่วนของบทความใหม่ หรือใน Gadget ก็ได้. เสร็จแล้ว คลิ๊ก บันทึก เพื่อยืนยัน
4. การปรับแต่งสีใน blog มีขั้นตอนดังนี้
เปิด blog ของตัวเอง เข้าไปในส่วนของ รูปแบบ จากนั้น คลิ๊ก แบบอักษรและสี สามารถเลือกปรับแต่งสี ในส่วนต่างๆของหน้า blog เมื่อเลือกเสร็จให้คลิ๊ก บันทึกการเปลี่ยนแปลง
เพื่อยืนยัน
5. การใส่เพลง มีขั้นตอนดังนี้
ให้เข้าไปใน http://happyvampires.gmember.com/home.php?1402
จากนั้น คลิ๊กเลือกเพลงที่ต้องการ copy embed เพื่อนำ code ที่ได้ไปวางไว้ในบล็อกตัวเอง โดยอาจจะวางในส่วนของบทความใหม่ ก้อได้
ใบงานที่ ๙ คุณลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ
คุณลักษณะของผู้บริหารแบบมืออาชีพในยุคปัจจุบัน
1. มีภูมิรู้ คือ มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการในเรื่องต่างๆ ได้แก่
1.1 มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการบริหารงาน
1.2 มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการในการประยุกต์ใช้สื่อ นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศอย่างเหมาะสมและเกิดผลดี
1.3 มีความรอบรู้ด้านวิชาการ หลักสูตร ปรัชญาการศึกษา หลักจิตวิทยาด้านต่างๆ ตลอดจนวิทยาการใหม่ๆ
1.4 มีทักษะในการครองตน ครองคน และครองงาน ตลอดจนการบริหารความขัดแย้ง
1.5 มีภาวะผู้นำ Leadership
1.6 เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ที่มีความสามารถบริหารจัดการในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง (Change management)
2. มีภูมิธรรม คือ การบริหารจัดการบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นการบริหารจัดการโดยอาศัยหลักต่างๆ ดังนี้
2.1 หลักนิติธรรม (The Rule of Law)
2.2 หลักคุณธรรม (Morality)
2.3 หลักความโปร่งใส (Accountability)
2.4 หลักการมีส่วนร่วม (Participation)
2.5 หลักความรับผิดชอบ (Responsibility )
2.6 หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy)
3. ภูมิฐาน คือ เป็นผู้ที่มีพื้น และฐานหรือภูมิหลังแห่งการสะสมในการคิดในการสร้างรู้จักการมองที่กว้าง ลึก มองเห็นเหตุแห่งปัญหาซึ่งจะเกิดขึ้นโดยการสรุปจากประสบการณ์ที่สร้างสมมานั้น เป็นคนช่างสังเกตและมองผลของการเกิดนั้นจากเหตุ มีวิสัยทัศน์ ฯลฯ
4. มีบุคลิกภาพที่ดี ทั้งบุคลิกภาพทางกาย ทางอารมณ์และจิตวิทยา ทางสังคมและทางสติปัญญา กล่าวคือ
4.1 บุคลิกภาพทางกาย แบ่งเป็นองค์ประกอบย่อย 2 องค์ประกอบ ประการแรก คือ รูปลักษณ์ภายนอกของผู้บริหารซึ่งเป็นที่ปรากฏแก่สายตาผู้คน ความสะอาดของร่างกายเป็นความสำคัญอันดับแรก การแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสมกับตำแหน่ง วัย และสถานการณ์ ประการที่สองคือ บุคลิกภาพภายใน ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการพูดการโต้ตอบที่ดี มีความฉลาดแหลมคมในการสนทนา เป็นผู้นำกลุ่มได้ และต้องมีข้อมูลอย่างเพียงพอ เพื่อประกอบการตอบโต้อย่างแหลมคมได้
4.2 บุคลิกภาพทางอารมณ์และจิตวิทยา ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดีต้องเป็นผู้มีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่หงุดหงิด ฉุนเฉียว บ่นว่าตลอดเวลา มีความกล้าหาญในการเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพสิทธิ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักชมเชย พูดจาโน้มน้าวจูงใจคนให้ทำงานเพื่อความเจริญก้าวหน้าของหน่วยงาน สังคม หรือประเทศชาติได้
4.3 บุคลิกภาพทางสังคม ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการศึกษาหาความรู้ในพิธีการต่างๆ ตามบรรทัดฐาน (Norms) ของสังคม เพื่อจะได้ปฏิบัติตามมารยาทสากลได้อย่างถูกต้อง สามารถเป็นตัวอย่างให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดทั้งคนรอบข้างได้
4.4 บุคลิกภาพทางสติปัญญา ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดี ต้องมีความรู้ มีความสามารถ มีความรอบรู้ด้านต่างๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์พอที่จะเป็นผู้นำกลุ่ม สามารถคิดสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สถานศึกษาได้ ซึ่งอาจสรุปได้ว่าสติปัญญาและความรอบรู้ในวิชาชีพของผู้บริหาร เป็นสิ่งสำคัญมากในการบริหาร
1. มีภูมิรู้ คือ มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการในเรื่องต่างๆ ได้แก่
1.1 มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการบริหารงาน
1.2 มีความรอบรู้ในหลักการ แนวคิด ทฤษฎี และวิธีการในการประยุกต์ใช้สื่อ นวัตกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศอย่างเหมาะสมและเกิดผลดี
1.3 มีความรอบรู้ด้านวิชาการ หลักสูตร ปรัชญาการศึกษา หลักจิตวิทยาด้านต่างๆ ตลอดจนวิทยาการใหม่ๆ
1.4 มีทักษะในการครองตน ครองคน และครองงาน ตลอดจนการบริหารความขัดแย้ง
1.5 มีภาวะผู้นำ Leadership
1.6 เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ที่มีความสามารถบริหารจัดการในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง (Change management)
2. มีภูมิธรรม คือ การบริหารจัดการบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นการบริหารจัดการโดยอาศัยหลักต่างๆ ดังนี้
2.1 หลักนิติธรรม (The Rule of Law)
2.2 หลักคุณธรรม (Morality)
2.3 หลักความโปร่งใส (Accountability)
2.4 หลักการมีส่วนร่วม (Participation)
2.5 หลักความรับผิดชอบ (Responsibility )
2.6 หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy)
3. ภูมิฐาน คือ เป็นผู้ที่มีพื้น และฐานหรือภูมิหลังแห่งการสะสมในการคิดในการสร้างรู้จักการมองที่กว้าง ลึก มองเห็นเหตุแห่งปัญหาซึ่งจะเกิดขึ้นโดยการสรุปจากประสบการณ์ที่สร้างสมมานั้น เป็นคนช่างสังเกตและมองผลของการเกิดนั้นจากเหตุ มีวิสัยทัศน์ ฯลฯ
4. มีบุคลิกภาพที่ดี ทั้งบุคลิกภาพทางกาย ทางอารมณ์และจิตวิทยา ทางสังคมและทางสติปัญญา กล่าวคือ
4.1 บุคลิกภาพทางกาย แบ่งเป็นองค์ประกอบย่อย 2 องค์ประกอบ ประการแรก คือ รูปลักษณ์ภายนอกของผู้บริหารซึ่งเป็นที่ปรากฏแก่สายตาผู้คน ความสะอาดของร่างกายเป็นความสำคัญอันดับแรก การแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสมกับตำแหน่ง วัย และสถานการณ์ ประการที่สองคือ บุคลิกภาพภายใน ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการพูดการโต้ตอบที่ดี มีความฉลาดแหลมคมในการสนทนา เป็นผู้นำกลุ่มได้ และต้องมีข้อมูลอย่างเพียงพอ เพื่อประกอบการตอบโต้อย่างแหลมคมได้
4.2 บุคลิกภาพทางอารมณ์และจิตวิทยา ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดีต้องเป็นผู้มีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่หงุดหงิด ฉุนเฉียว บ่นว่าตลอดเวลา มีความกล้าหาญในการเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพสิทธิ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักชมเชย พูดจาโน้มน้าวจูงใจคนให้ทำงานเพื่อความเจริญก้าวหน้าของหน่วยงาน สังคม หรือประเทศชาติได้
4.3 บุคลิกภาพทางสังคม ผู้บริหารควรเป็นผู้นำในการศึกษาหาความรู้ในพิธีการต่างๆ ตามบรรทัดฐาน (Norms) ของสังคม เพื่อจะได้ปฏิบัติตามมารยาทสากลได้อย่างถูกต้อง สามารถเป็นตัวอย่างให้คำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดทั้งคนรอบข้างได้
4.4 บุคลิกภาพทางสติปัญญา ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดี ต้องมีความรู้ มีความสามารถ มีความรอบรู้ด้านต่างๆ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์พอที่จะเป็นผู้นำกลุ่ม สามารถคิดสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สถานศึกษาได้ ซึ่งอาจสรุปได้ว่าสติปัญญาและความรอบรู้ในวิชาชีพของผู้บริหาร เป็นสิ่งสำคัญมากในการบริหาร
ใบงานที่ ๘
SPSS for windows
1.ความหมายของคำว่าสถิติ (Statistics) อาจพิจารณาได้ 3 ความหมาย คือ
สถิติ หมายถึง ตัวเลขที่ใช้บรรยายเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริง (facts) ของเรื่องต่างๆ ที่เราต้องการศึกษา เช่น สถิติจำนวนผู้ป่วย สถิติจำนวนคนเกิด สถิติจำนวนคนตาย เป็นต้น
สถิติ หมายถึง ศาสตร์หรือวิชาที่ว่าด้วยหลักการและระเบียบวิธีทางสถิติ สถิติใน ความหมาย นี้มักเรียกว่า สถิติศาสตร์ (Statistics)
สถิติ หมายถึง ค่าที่คำนวณขึ้นมาจากตัวอย่าง เพื่อแสดงถึงคุณลักษณะบางอย่างของข้อมูลชุดนั้น โดยทั่วไปจะนำค่าสถิติไปใช้ในการประมาณค่าพารามิเตอร์
2.ค่าเฉลี่ย หรือค่ามัชฌิมเลขคณิต (Arithmetic mean) คือค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมด ความหมาย
เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ค่ามัธยฐาน (Median) คือค่าของข้อมูลที่จุดกึ่งกลางของการกระจายของข้อมูลโดย 50% ของข้อมูลมี ค่าสูงกว่าค่า มัธยฐาน และ 50% มีค่าต่ำกว่าค่ามัธยฐาน และมักใช้ในกรณีที่ การกระจายของข้อมูลมีลักษณะไม่เท่ากันทั้งสองข้าง (Asymmetry) หรือมีลักษณะเบ้ไปทางซ้ายหรือทางขวา เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ค่าฐานนิยม (Mode) คือค่าของข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลของชุดนั้นๆ ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่งค่าหรือไม่มีเลยก็ได้ เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เป็นการวัดการกระจายของข้อมูลว่าจะเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยมากน้อยเท่าใด เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
3. ประชากร (Population) หมายถึง กลุ่มสมาชิกทั้งหมดที่ต้องการศึกษา อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ได้ ใช้สัญลักษณ์ “N” แทนจำนวนประชากร
กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง กลุ่มสมาชิกที่ถูกเลือกมาจากประชากรด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนในการศึกษาและเก็บข้อมูล ใช้สัญลักษณ์ “n” แทนสมาชิกของกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างต่างกัน เพราะกลุ่มตัวอย่างเป็นเพียงสมาชิกส่วนหนึ่งของประชากรที่ถูกคัดเลือกมาใช้ในการศึกษาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ตัวอย่าง เช่น เมื่อผู้วิจัยต้องการศึกษาความต้องการในการพัฒนาตนเองของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีจำนวนมาก ผู้วิจัยไม่สามารถศึกษาจากประชากรทั้งหมดได้จึ้งคัดเลือกผู้บริหารมาศึกษาเพียงบางส่วนโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น ตารางเลขสุ่ม หรืออื่นๆ ผลที่ได้จากการศึกษาจะอ้างอิงไปสู่ประชากรทั้งหมด
4. มาตรนามบัญญัติ (Nominal Scale)
- เป็นมาตรวัดที่หยาบที่สุด จัดข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ แยกตามประเภทหรือชนิด
- สถิติ : ความถี่ ร้อยละ ฐานนิยม หรือใช้สถิติแบบนอนพาราเมตริก
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่ไม่มีขนาด ไม่มีความเท่ากันของช่วง และไม่มีศูนย์สมบูรณ์
มาตรเรียงลำดับ (Ordinal Scale)
- เป็นมาตรวัดที่ใช้กับข้อมูลที่สามารถจัดเรียงอันดับความสำคัญหรือสามารถเปรียบเทียบกันได้
- สถิติ : ฐานนิยม มัธยฐาน พิสัย เปอร์เซนต์ไทล์ และสถิติแบบนอนพาราเมตริก
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีการจัดลำดับข้อมูลจากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมากได้ แต่ไม่ได้บอก
ถึงปริมาณแต่ละอันดับว่ามากน้อยเท่าใด ไม่มีความเท่ากันของช่วงคะแนน และไม่มีศูนย์สมบูรณ์
มาตรอันตรภาค (Interval Scale)
- เป็นมาตรวัดที่สามารถบอกได้ทั้งทิศทางและขนาดของ ความแตกต่างของข้อมูล มาตรวัดนี้ไม่มีศูนย์ที่แท้จริง (absolute zero)
- สถิติ : ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่สามารถบอกระยะห่างของตัวเลข 2 ตัว ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเท่าใด มีเกณฑ์อยู่กับสิ่งที่เรียกว่าศูนย์สมมติ
มาตรอัตราส่วน (Ratio Scale)
- เป็นมาตรวัดที่มีลักษณะสมบูรณ์ทุกอย่าง ดีกว่ามาตรวัดอันตรภาคตรงที่มาตรการวัดนี้มีศูนย์
ที่แท้จริง
- สถิติ : สถิติที่ใช้กับการวัดในระดับนี้ใช้ได้ทุกวิธีที่มีอยู่
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีระดับการวัดเหมือนมาตราอันตรภาค และมีศูนย์สมบูรณ์ ข้อมูลที่
เป็นอัตราส่วนสามารถนำมาบวก ลบ คูณ หาร ได้ และสามารถใช้ได้กับสถิติทุกประเภท
5.ตัวแปร หมายถึง สิ่งที่เปลี่ยนค่าไปได้หลายค่า เป็นลักษณะคุณภาพ คุณสมบัติของบุคคล สิ่งของ หรือสิ่งที่สนใจจะนำมาศึกษาที่สามารถนับได้ วัดได้ หรือหมายถึง สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปตามระยะเวลา แปรเปลี่ยนได้หลายค่า หรือมากกว่า 1 ลักษณะ เช่นเชื้อชาติ แปรค่าได้เป็น ไทย , จีน , ….
ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (independent variable) เป็นตัวแปรเหตุที่ทำให้ผลตามมา หรือทำให้สิ่งที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ หรือ แปรสภาพไป ตัวแปรต้นจะมีลักษณะดังนี้
- เป็นตัวแปรเหตุ
- เป็นตัวแปรที่มาก่อน
- เป็นตัวแปรที่จัดกระทำในการทดลอง
- มีลักษณะเป็นตัวทำนาย
- เป็นตัวกระตุ้น
- มีความคงทน ถาวร
ตัวแปรตาม (dependent variable) เป็นตัวแปรที่มีผลมาจากตัวแปรต้น ซึ่งตัวแปรตามจะมีลักษณะ ดังนี้
- เป็นตัวแปรที่เป็นผล
- เกิดขึ้นภายหลัง
- เกิดขึ้นเองไม่สามารถจัดกระทำได้ในการทดลอง
- เป็นตัวถูกทำนาย
- เป็นตัวตอบสนอง
- เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
6.สมมติฐาน คือ การคาดการณ์ผลการวิจัยไว้ล่วงหน้าโดยมีทฤษฎีหรือข้อค้นพบจากผลงานวิจัยที่ผ่านมามารองรับ เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้ก่อนที่จะดำเนินการวิจัยจริง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- สมมติฐานการวิจัย เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ที่ผู้วิจัยคาดว่าจะเกิดขึ้นมักจะเขียนในเชิงความเรียงธรรม
- สมมติฐานทางสถิติ เป็นการนำข้อความจากสมมติฐานการวิจัยมาเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ทางสถิติ
7. T-test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับถ้าตัวแปรเป็นตัวแปรเชิงปริมาณที่สามารถวัดค่าได้
F – test (หรือ ANOVA) เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไป
T-test และ F – test เหมือนกันคือเป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย ต่างกันคือ F – test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยของข้อมูลตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป
1.ความหมายของคำว่าสถิติ (Statistics) อาจพิจารณาได้ 3 ความหมาย คือ
สถิติ หมายถึง ตัวเลขที่ใช้บรรยายเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริง (facts) ของเรื่องต่างๆ ที่เราต้องการศึกษา เช่น สถิติจำนวนผู้ป่วย สถิติจำนวนคนเกิด สถิติจำนวนคนตาย เป็นต้น
สถิติ หมายถึง ศาสตร์หรือวิชาที่ว่าด้วยหลักการและระเบียบวิธีทางสถิติ สถิติใน ความหมาย นี้มักเรียกว่า สถิติศาสตร์ (Statistics)
สถิติ หมายถึง ค่าที่คำนวณขึ้นมาจากตัวอย่าง เพื่อแสดงถึงคุณลักษณะบางอย่างของข้อมูลชุดนั้น โดยทั่วไปจะนำค่าสถิติไปใช้ในการประมาณค่าพารามิเตอร์
2.ค่าเฉลี่ย หรือค่ามัชฌิมเลขคณิต (Arithmetic mean) คือค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมด ความหมาย
เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ค่ามัธยฐาน (Median) คือค่าของข้อมูลที่จุดกึ่งกลางของการกระจายของข้อมูลโดย 50% ของข้อมูลมี ค่าสูงกว่าค่า มัธยฐาน และ 50% มีค่าต่ำกว่าค่ามัธยฐาน และมักใช้ในกรณีที่ การกระจายของข้อมูลมีลักษณะไม่เท่ากันทั้งสองข้าง (Asymmetry) หรือมีลักษณะเบ้ไปทางซ้ายหรือทางขวา เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ค่าฐานนิยม (Mode) คือค่าของข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลของชุดนั้นๆ ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่งค่าหรือไม่มีเลยก็ได้ เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) เป็นการวัดการกระจายของข้อมูลว่าจะเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยมากน้อยเท่าใด เป็นสถิติเชิงพรรณนา/บรรยาย
3. ประชากร (Population) หมายถึง กลุ่มสมาชิกทั้งหมดที่ต้องการศึกษา อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ได้ ใช้สัญลักษณ์ “N” แทนจำนวนประชากร
กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง กลุ่มสมาชิกที่ถูกเลือกมาจากประชากรด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนในการศึกษาและเก็บข้อมูล ใช้สัญลักษณ์ “n” แทนสมาชิกของกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรและกลุ่มตัวอย่างต่างกัน เพราะกลุ่มตัวอย่างเป็นเพียงสมาชิกส่วนหนึ่งของประชากรที่ถูกคัดเลือกมาใช้ในการศึกษาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ตัวอย่าง เช่น เมื่อผู้วิจัยต้องการศึกษาความต้องการในการพัฒนาตนเองของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีจำนวนมาก ผู้วิจัยไม่สามารถศึกษาจากประชากรทั้งหมดได้จึ้งคัดเลือกผู้บริหารมาศึกษาเพียงบางส่วนโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยอาศัยหลักความน่าจะเป็น ตารางเลขสุ่ม หรืออื่นๆ ผลที่ได้จากการศึกษาจะอ้างอิงไปสู่ประชากรทั้งหมด
4. มาตรนามบัญญัติ (Nominal Scale)
- เป็นมาตรวัดที่หยาบที่สุด จัดข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ แยกตามประเภทหรือชนิด
- สถิติ : ความถี่ ร้อยละ ฐานนิยม หรือใช้สถิติแบบนอนพาราเมตริก
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่ไม่มีขนาด ไม่มีความเท่ากันของช่วง และไม่มีศูนย์สมบูรณ์
มาตรเรียงลำดับ (Ordinal Scale)
- เป็นมาตรวัดที่ใช้กับข้อมูลที่สามารถจัดเรียงอันดับความสำคัญหรือสามารถเปรียบเทียบกันได้
- สถิติ : ฐานนิยม มัธยฐาน พิสัย เปอร์เซนต์ไทล์ และสถิติแบบนอนพาราเมตริก
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีการจัดลำดับข้อมูลจากมากไปน้อย หรือจากน้อยไปมากได้ แต่ไม่ได้บอก
ถึงปริมาณแต่ละอันดับว่ามากน้อยเท่าใด ไม่มีความเท่ากันของช่วงคะแนน และไม่มีศูนย์สมบูรณ์
มาตรอันตรภาค (Interval Scale)
- เป็นมาตรวัดที่สามารถบอกได้ทั้งทิศทางและขนาดของ ความแตกต่างของข้อมูล มาตรวัดนี้ไม่มีศูนย์ที่แท้จริง (absolute zero)
- สถิติ : ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่สามารถบอกระยะห่างของตัวเลข 2 ตัว ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเท่าใด มีเกณฑ์อยู่กับสิ่งที่เรียกว่าศูนย์สมมติ
มาตรอัตราส่วน (Ratio Scale)
- เป็นมาตรวัดที่มีลักษณะสมบูรณ์ทุกอย่าง ดีกว่ามาตรวัดอันตรภาคตรงที่มาตรการวัดนี้มีศูนย์
ที่แท้จริง
- สถิติ : สถิติที่ใช้กับการวัดในระดับนี้ใช้ได้ทุกวิธีที่มีอยู่
- ตัวแปร : เป็นตัวแปรที่มีระดับการวัดเหมือนมาตราอันตรภาค และมีศูนย์สมบูรณ์ ข้อมูลที่
เป็นอัตราส่วนสามารถนำมาบวก ลบ คูณ หาร ได้ และสามารถใช้ได้กับสถิติทุกประเภท
5.ตัวแปร หมายถึง สิ่งที่เปลี่ยนค่าไปได้หลายค่า เป็นลักษณะคุณภาพ คุณสมบัติของบุคคล สิ่งของ หรือสิ่งที่สนใจจะนำมาศึกษาที่สามารถนับได้ วัดได้ หรือหมายถึง สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปตามระยะเวลา แปรเปลี่ยนได้หลายค่า หรือมากกว่า 1 ลักษณะ เช่นเชื้อชาติ แปรค่าได้เป็น ไทย , จีน , ….
ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ (independent variable) เป็นตัวแปรเหตุที่ทำให้ผลตามมา หรือทำให้สิ่งที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะ หรือ แปรสภาพไป ตัวแปรต้นจะมีลักษณะดังนี้
- เป็นตัวแปรเหตุ
- เป็นตัวแปรที่มาก่อน
- เป็นตัวแปรที่จัดกระทำในการทดลอง
- มีลักษณะเป็นตัวทำนาย
- เป็นตัวกระตุ้น
- มีความคงทน ถาวร
ตัวแปรตาม (dependent variable) เป็นตัวแปรที่มีผลมาจากตัวแปรต้น ซึ่งตัวแปรตามจะมีลักษณะ ดังนี้
- เป็นตัวแปรที่เป็นผล
- เกิดขึ้นภายหลัง
- เกิดขึ้นเองไม่สามารถจัดกระทำได้ในการทดลอง
- เป็นตัวถูกทำนาย
- เป็นตัวตอบสนอง
- เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
6.สมมติฐาน คือ การคาดการณ์ผลการวิจัยไว้ล่วงหน้าโดยมีทฤษฎีหรือข้อค้นพบจากผลงานวิจัยที่ผ่านมามารองรับ เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้ก่อนที่จะดำเนินการวิจัยจริง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- สมมติฐานการวิจัย เป็นข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ที่ผู้วิจัยคาดว่าจะเกิดขึ้นมักจะเขียนในเชิงความเรียงธรรม
- สมมติฐานทางสถิติ เป็นการนำข้อความจากสมมติฐานการวิจัยมาเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ทางสถิติ
7. T-test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับถ้าตัวแปรเป็นตัวแปรเชิงปริมาณที่สามารถวัดค่าได้
F – test (หรือ ANOVA) เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไป
T-test และ F – test เหมือนกันคือเป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย ต่างกันคือ F – test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยของข้อมูลตั้งแต่ 2 กลุ่มขึ้นไป
ใบงานที่ ๔ การจัดการความรู้
ข้อที่ 1 การจัดการความรู้
การจัดการความรู้ เป็นกระบวนการในการจัดการความร้ เริ่มตั้งแต่การวางแผนดำเนินการในการหาความรู้ แหล่งการให้ความรู้ วิธีการหาความรู้ วิธีการเก็บความรู้ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ด้วยหลักการวิธีการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ข้อ 2 ขั้นตอนการจัดการความรู้
1) สำรวจความต้องการจำเป็นต่อการศึกษาหาความรู้ทางด้านต่างๆ
2) ระบุแหล่งเรียนรู้จากหลายๆ แหล่งเรียนรู้
3) เลือกแหล่งเรียนรู้ที่ต้องการ
4) ระบุวิธีการในการหาความรู้จากแหล่งต่างๆ
5) ดำเนินการหาความรุ้ตามวิธีการต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้
6) ทำการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้ออกมาเป็นสารสนเทศ
7) นำความรู้ไปใช้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม
8) ทำการวิเคราะห์ประเมินผลจากการนำความรู้เหล่านั้นไปใช้
ข้อ 3 แหล่งเรียนรู้
แหล่งข้อมูลในการหาความรู้ มีมากมายแต่ขอสรุปสั้น ได้ดังนี้
1) จากหนังสือ
2) จากวารสาร
3) จากสารคดี
4) จากโทรทัศน์
5) จากวิทยุ
6) จากห้องสมุด
7) จากอินเตอร์เน็ต
8) จากประสบการณ์เดิม
9) จากสภาพแวดล้อม
10) จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
11) จากครู อาจารย์ ญาติ ๆ และผู้รู้ ฯลฯ
ข้อ 4 เครือข่ายการเรียนรู้
เครือข่ายจะต้องมีอย่างน้อย 2 จำนวน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล หรือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เครือข่ายการเรียนรู้เป็นระบบเครือข่ายที่มีอย่างน้อย 2 คน หรือมีการใช้เทคโนโลยีบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในการสืบค้นข้อมูลใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนความรู้ ใช้ในการสื่อสาร ประสานงานต่างๆ ของระบบการจัดการศึกษา เป็นต้น
ข้อ 5 สารสนเทศ
สารสนเทศเป็นการนำข้อมูล ที่มีความจำเป็นต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า มาทำการประมวลผลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน ข้อมูลสารสนเทศที่จำเป็นทางด้านการศึกษา พอที่จะสรุปได้ดังนี้
1) ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2) ด้านคุณธรรมจริยธรรม ความประพฤติของนักเรียน
3) ด้านสุขภาพอนามัย
4) ด้านเศรษฐกิจของผู้ปกครองของนักเรียน
5) ด้านงบประมาณ
6) ด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม
7) ข้อมูลการบริหารงานทั้ง 4 ฝ่าย
การจัดการความรู้ เป็นกระบวนการในการจัดการความร้ เริ่มตั้งแต่การวางแผนดำเนินการในการหาความรู้ แหล่งการให้ความรู้ วิธีการหาความรู้ วิธีการเก็บความรู้ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ด้วยหลักการวิธีการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ข้อ 2 ขั้นตอนการจัดการความรู้
1) สำรวจความต้องการจำเป็นต่อการศึกษาหาความรู้ทางด้านต่างๆ
2) ระบุแหล่งเรียนรู้จากหลายๆ แหล่งเรียนรู้
3) เลือกแหล่งเรียนรู้ที่ต้องการ
4) ระบุวิธีการในการหาความรู้จากแหล่งต่างๆ
5) ดำเนินการหาความรุ้ตามวิธีการต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้
6) ทำการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้ออกมาเป็นสารสนเทศ
7) นำความรู้ไปใช้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม
8) ทำการวิเคราะห์ประเมินผลจากการนำความรู้เหล่านั้นไปใช้
ข้อ 3 แหล่งเรียนรู้
แหล่งข้อมูลในการหาความรู้ มีมากมายแต่ขอสรุปสั้น ได้ดังนี้
1) จากหนังสือ
2) จากวารสาร
3) จากสารคดี
4) จากโทรทัศน์
5) จากวิทยุ
6) จากห้องสมุด
7) จากอินเตอร์เน็ต
8) จากประสบการณ์เดิม
9) จากสภาพแวดล้อม
10) จากภูมิปัญญาท้องถิ่น
11) จากครู อาจารย์ ญาติ ๆ และผู้รู้ ฯลฯ
ข้อ 4 เครือข่ายการเรียนรู้
เครือข่ายจะต้องมีอย่างน้อย 2 จำนวน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล หรือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เครือข่ายการเรียนรู้เป็นระบบเครือข่ายที่มีอย่างน้อย 2 คน หรือมีการใช้เทคโนโลยีบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในการสืบค้นข้อมูลใช้เป็นสื่อในการแลกเปลี่ยนความรู้ ใช้ในการสื่อสาร ประสานงานต่างๆ ของระบบการจัดการศึกษา เป็นต้น
ข้อ 5 สารสนเทศ
สารสนเทศเป็นการนำข้อมูล ที่มีความจำเป็นต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า มาทำการประมวลผลให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน ข้อมูลสารสนเทศที่จำเป็นทางด้านการศึกษา พอที่จะสรุปได้ดังนี้
1) ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
2) ด้านคุณธรรมจริยธรรม ความประพฤติของนักเรียน
3) ด้านสุขภาพอนามัย
4) ด้านเศรษฐกิจของผู้ปกครองของนักเรียน
5) ด้านงบประมาณ
6) ด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม
7) ข้อมูลการบริหารงานทั้ง 4 ฝ่าย
ใบงานที่ ๒ สถานที่ปฏิบัติงาน
ข้อ 1 ชื่อหน่วยงานของนักศึกษา โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ)
ข้อ 2 สถานที่ตั้งของหน่วยงาน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีฯ
ข้อ 3 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
การจัดทำนวัตกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา จะต้องอยู่ในรูปแบบที่มีประโยชน์เป็นตัวแบบให้ครูบุคลากรใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี และจะต้องเป็นสื่อหรือนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนของครูและนักเรียนได้เป็นอย่างดี
สารสนเทศ
1) จะต้องอยู่ในรูปแบบที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเมื่อมีความต้องการใช้
2) ค้นหาได้สะดวก
3) สารสนเทศนั้นจะต้องออกแบบนั้นมารองรับต่อการใช้ประโยชน์ ในการประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งระบบทั้งประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอก
ข้อ 4 วิสัยทัศน์ของหน่วยงานของท่าน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) จัดการศึกษาร่วมกับชุมชน โดยมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านความรู้คู่คุณภาพ นำวิถีชีวิตพอเพียงและพัฒนาบุคลากรให้เต็มศักยภาพ จัดสภาพแวดล้อม และให้เอื้อต่อการเรียนรู้นำสู่เทคโนโลยี
ข้อ 5 ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานของท่าน
1) เร่งรัดการจัดการการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมตามหลักสูตร
2) ปรับปรุงห้องสมุด สภาพแวดล้อม พัฒนาอาคารเรียนและจัดให้มีที่แปรงฟันสำหรับนักเรียนเพื่อให้เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3) ส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน
4) เร่งรัดให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ตามนโยบายธงคุณธรรมใของ สพพ.นศ.4 และคุณธรรม 8 ประการ เน้นการมีจิตอาสาทั้งนักเรียนและคุณครูและบุคลากร
5) ให้ความสำคัญกับหลักสูตรท้องถิ่น
6) ส่งเสริมให้นักเรียนเข้าร่วมอนุรักษ์กิจกรรมวันสำคัญต่างๆ
7) สนับสนุนนโยบายของ สพท.นศ.4
ข้อ 6 บริบทของหน่วยงาน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีฯ เป็นพื้นที่ที่มีควนสูงเป็นดินสีแดง ค่อนข้างขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตร ครูมีจำนวน 4 คน ผู้บริหาร 1 คน นักการภารโรง 1 คน นักเรียนมี 77 คน มี 7 ห้องเรียน ทางกองทุนรอบโรงไฟฟ้าจ้างให้ 1 คน และทาง สพฐ.อนุมัติงบประมาณมาจ้างวิทยากรท้องถิ่นเพือทำการการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา และ ประชาธิปไตย จำนวน 1 คน เป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอาคารสถานที่ ทางโรงเรียนมีอาคารเรียน 2 หลัง ชั้นเดียว มีอาคารเอนกประสงค์ 1 หลัง ใช้ทำห้องสำนักงานและห้องเรียนคอมพิวเตอร์ มีห้องสมุด 1 หลัง โดยชุมชนร่วมกันบริจาคในการก่อสร้าง มีโรงอาหาร 1 หลัง โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ โดย " นายหยก เอี่ยมวัชรินทร์" เป็นผู้บริจาค ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา เป็นชนอพยบมาจากอิสาร ย้ายถิ่นฐานไปตามสภาพการจ้างงาน
ข้อ 7 โครงสร้างของหน่วยงาน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) โครงสร้างของหนวยงาน แบ่งเป็น 4 ฝ่าย คือ วิชาการ งบประมาณ บริหารงานบุคคล บริหารทั่วไป
ข้อ 2 สถานที่ตั้งของหน่วยงาน ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีฯ
ข้อ 3 แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
การจัดทำนวัตกรรมต่างๆ ของสถานศึกษา จะต้องอยู่ในรูปแบบที่มีประโยชน์เป็นตัวแบบให้ครูบุคลากรใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นตัวอย่างในการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี และจะต้องเป็นสื่อหรือนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนของครูและนักเรียนได้เป็นอย่างดี
สารสนเทศ
1) จะต้องอยู่ในรูปแบบที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเมื่อมีความต้องการใช้
2) ค้นหาได้สะดวก
3) สารสนเทศนั้นจะต้องออกแบบนั้นมารองรับต่อการใช้ประโยชน์ ในการประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งระบบทั้งประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งภายในและภายนอก
ข้อ 4 วิสัยทัศน์ของหน่วยงานของท่าน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) จัดการศึกษาร่วมกับชุมชน โดยมุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านความรู้คู่คุณภาพ นำวิถีชีวิตพอเพียงและพัฒนาบุคลากรให้เต็มศักยภาพ จัดสภาพแวดล้อม และให้เอื้อต่อการเรียนรู้นำสู่เทคโนโลยี
ข้อ 5 ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานของท่าน
1) เร่งรัดการจัดการการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมตามหลักสูตร
2) ปรับปรุงห้องสมุด สภาพแวดล้อม พัฒนาอาคารเรียนและจัดให้มีที่แปรงฟันสำหรับนักเรียนเพื่อให้เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
3) ส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียน
4) เร่งรัดให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ตามนโยบายธงคุณธรรมใของ สพพ.นศ.4 และคุณธรรม 8 ประการ เน้นการมีจิตอาสาทั้งนักเรียนและคุณครูและบุคลากร
5) ให้ความสำคัญกับหลักสูตรท้องถิ่น
6) ส่งเสริมให้นักเรียนเข้าร่วมอนุรักษ์กิจกรรมวันสำคัญต่างๆ
7) สนับสนุนนโยบายของ สพท.นศ.4
ข้อ 6 บริบทของหน่วยงาน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) ตั้งอยู่ หมู่ที่ 2 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีฯ เป็นพื้นที่ที่มีควนสูงเป็นดินสีแดง ค่อนข้างขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตร ครูมีจำนวน 4 คน ผู้บริหาร 1 คน นักการภารโรง 1 คน นักเรียนมี 77 คน มี 7 ห้องเรียน ทางกองทุนรอบโรงไฟฟ้าจ้างให้ 1 คน และทาง สพฐ.อนุมัติงบประมาณมาจ้างวิทยากรท้องถิ่นเพือทำการการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา และ ประชาธิปไตย จำนวน 1 คน เป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอาคารสถานที่ ทางโรงเรียนมีอาคารเรียน 2 หลัง ชั้นเดียว มีอาคารเอนกประสงค์ 1 หลัง ใช้ทำห้องสำนักงานและห้องเรียนคอมพิวเตอร์ มีห้องสมุด 1 หลัง โดยชุมชนร่วมกันบริจาคในการก่อสร้าง มีโรงอาหาร 1 หลัง โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ โดย " นายหยก เอี่ยมวัชรินทร์" เป็นผู้บริจาค ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจน อาชีพรับจ้างกรีดยางพารา เป็นชนอพยบมาจากอิสาร ย้ายถิ่นฐานไปตามสภาพการจ้างงาน
ข้อ 7 โครงสร้างของหน่วยงาน
โรงเรียนบ้านควนทอง (ประชาอุทิศ) โครงสร้างของหนวยงาน แบ่งเป็น 4 ฝ่าย คือ วิชาการ งบประมาณ บริหารงานบุคคล บริหารทั่วไป
ใบงานที่ ๑ ตอบคำถาม
ข้อ 1 การจัดการ/บริหาร
คือความสามารถในการบริหารกระบวนการอย่างเป็นระบบ เป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการจัดทั้งองค์การนั้น ซึ่งมีการ วางแผนและการจัดการทรัยพยากรในองค์กร เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์กรนั้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล
ข้อ 2 นวัตกรรม
เป็นการประดิษฐ์คิดค้นพัฒนาปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสมัย
ข้อ 3 เทคโนโลยีการศึกษา
เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการ หรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในการแก้ปัญหา หรือทางการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ
ข้อ 4 ข้อมูล
คือข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เช่น บุคคล สถานที่ สัตว์ สิ่งของ ซ่งได้จัดเก็บรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหล้ง
ข้อ 5 สารสนเทศ
คือข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเรีบบร้อยแล้ว และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย
ข้อ 6 ระบบสารสนเทศ
เป็นระบบที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาร่วมในการรวบรวม การจัดเก็บ ผ่านกระบวนการจัดการกับข้อมูลเพ่อให้เป็นสารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้อง
ข้อ 7 ระบบสารสนิทศเพื่อการศึกษา
เป็นการนำข้อมูลและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ทางด้านการจัดการศึกษามาทำการประมวลผลด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการศึกษา
ข้อ 8 การสื่อสาร
คือกระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนหรือติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ส่งกับผู้รับสาร โดยผ่านช่องทางนำสารหรือสื่อเพ่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ข้อ 9 เครือข่าย
เป็นการเชื่อมต่อระบบการสื่อสารด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่องมาเชื่อมด้วยกัน เพื่อใช้สื่อสารถึงกัน ใช้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรภายในหน่วยงาน ระบบเครือข่ายนี้จะผ่านช่องทางหรือสื่อกลางต่างๆ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า ไมโครเวฟ
ข้อ 10 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เป็นการนำเทคโนโลยีทางด้าน ICT มาใช้อำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศและนำมาใช้ทางด้านการสื่อสารข้อมูลได้อย่างเหมาะสมกับโลกปัจจุบันในทุกๆ ด้าน
ข้อ 11 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
เป็นการนำเทคโนโลยีทางด้าน ICT มาใช้อำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูล ให้เป็นสารสนเทศ และนำมาใช้ทางด้านการสื่อสารข้อมูล ทางด้านอำนวยความสะดวกและเอื้อต่อการจัดการศึกษา
อ้างอิง นฤชิต แว่วศรีผ่อง,การงานอาชีพและเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น ม.4, บริษัทมีเดีย อินเทลลิเวนซ์ เทคโนโลยี จำกัด, 2544.
นฤชิต แว่วศรีผ่อง และ คณะ,การงานอาชีพและเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น ม.2, บริษัทดีเดีย อิเทลลิเวนซ์ เทคโนลยี จำกัด,2544.
คือความสามารถในการบริหารกระบวนการอย่างเป็นระบบ เป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการจัดทั้งองค์การนั้น ซึ่งมีการ วางแผนและการจัดการทรัยพยากรในองค์กร เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์กรนั้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล
ข้อ 2 นวัตกรรม
เป็นการประดิษฐ์คิดค้นพัฒนาปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสมัย
ข้อ 3 เทคโนโลยีการศึกษา
เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการ หรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในการแก้ปัญหา หรือทางการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ
ข้อ 4 ข้อมูล
คือข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เช่น บุคคล สถานที่ สัตว์ สิ่งของ ซ่งได้จัดเก็บรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในภายหล้ง
ข้อ 5 สารสนเทศ
คือข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเรีบบร้อยแล้ว และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย
ข้อ 6 ระบบสารสนเทศ
เป็นระบบที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาร่วมในการรวบรวม การจัดเก็บ ผ่านกระบวนการจัดการกับข้อมูลเพ่อให้เป็นสารสนเทศที่ดี สามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้อง
ข้อ 7 ระบบสารสนิทศเพื่อการศึกษา
เป็นการนำข้อมูลและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ทางด้านการจัดการศึกษามาทำการประมวลผลด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการศึกษา
ข้อ 8 การสื่อสาร
คือกระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนหรือติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ส่งกับผู้รับสาร โดยผ่านช่องทางนำสารหรือสื่อเพ่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ข้อ 9 เครือข่าย
เป็นการเชื่อมต่อระบบการสื่อสารด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หลายๆ เครื่องมาเชื่อมด้วยกัน เพื่อใช้สื่อสารถึงกัน ใช้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรภายในหน่วยงาน ระบบเครือข่ายนี้จะผ่านช่องทางหรือสื่อกลางต่างๆ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า ไมโครเวฟ
ข้อ 10 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เป็นการนำเทคโนโลยีทางด้าน ICT มาใช้อำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูลให้เป็นสารสนเทศและนำมาใช้ทางด้านการสื่อสารข้อมูลได้อย่างเหมาะสมกับโลกปัจจุบันในทุกๆ ด้าน
ข้อ 11 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา
เป็นการนำเทคโนโลยีทางด้าน ICT มาใช้อำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูล ให้เป็นสารสนเทศ และนำมาใช้ทางด้านการสื่อสารข้อมูล ทางด้านอำนวยความสะดวกและเอื้อต่อการจัดการศึกษา
อ้างอิง นฤชิต แว่วศรีผ่อง,การงานอาชีพและเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น ม.4, บริษัทมีเดีย อินเทลลิเวนซ์ เทคโนโลยี จำกัด, 2544.
นฤชิต แว่วศรีผ่อง และ คณะ,การงานอาชีพและเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้น ม.2, บริษัทดีเดีย อิเทลลิเวนซ์ เทคโนลยี จำกัด,2544.
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ประโยชน์ของ serchch engin
การสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
วิมล นาวารัตน์ สรุป 28 พ.ย. 2552
ปัจจุบันไม่ว่าจะสืบค้นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็สามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ต จากเครือข่ายนะดับที่กว้างไกล (World Wide Web) ซึ่งมีโปรแกรมที่ให้บริการในเรื่องการสืบค้นข้อมูลคือ Web Browser
การสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต มีเครื่องมือช่วยในการค้นหาเรียกว่า Search Engine ซึ่งสามารถทำให้การค้นหาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
Search Engine เป็นเว็บไซต์ (Website) ที่รวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ ทุกชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การค้นหาสามารถทำได้สะดวก เพียงพิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหาใน Search Engine แล้วกดปุ่ม Go หรือ ปุ่มค้นหา ข้อมูลหรือสารสนเทศที่ต้องการก็จะปรากฏบนหน้าจอ
เว็บไซต์ที่ค้นหาข้อมูลสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. Search Engine คือ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ เหมาะที่จะค้นหาข้อมูลประเภทเจาะจงมากๆ
2. Search Directories คือ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้คนในการรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ และแต่ละเว็บเพจได้รับการจัดเป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสม
ตัวเชื่อมที่ใช้เพื่อการค้นหาข้อมูล มีดังนี้
AND ค้นหาเฉพาะเว็บเพจที่มีคำทั้งสองคำอยู่ด้วยกัน
OR ค้นหาเว็บเพจที่มีคำใดคำหนึ่งหรือมีทั้งสองคำ
NOT ค้นหาเว็บเพจที่ไม่มีคำนี้อยู่
หรือจะใช้เครื่องหมายดอกจัน (*) ในคำที่ใช้ค้นหาก็ได้
“ ” ให้ค้นหาเฉพาะเว็บเพจที่มีประโยคที่อยู่ในเครื่องหมายดังกล่าว
NEAR/n ค้นหาเว็บเพจซึ่งมี 2 คำ ที่เราใช้ในการค้นหา อยู่ใกล้กันภายใน n คำใน
เนื้อหา
การสืบค้นด้วย Google ในระดับสูง
1. เข้าไปใน Google.com
2. เลือกวิธีการค้นหาในระดับสูง
3. ระบุคำหรือสิ่งที่ต้องการค้นหา
4. ระบุจำนวนสิ่งที่เราค้นหาให้ปรากฏบนหน้าจอ
5. ระบุชนิดของไฟล์ที่ต้องการค้นหา
...........................................................................
วิมล นาวารัตน์ สรุป 28 พ.ย. 2552
ปัจจุบันไม่ว่าจะสืบค้นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็สามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ต จากเครือข่ายนะดับที่กว้างไกล (World Wide Web) ซึ่งมีโปรแกรมที่ให้บริการในเรื่องการสืบค้นข้อมูลคือ Web Browser
การสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต มีเครื่องมือช่วยในการค้นหาเรียกว่า Search Engine ซึ่งสามารถทำให้การค้นหาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
Search Engine เป็นเว็บไซต์ (Website) ที่รวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ ทุกชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การค้นหาสามารถทำได้สะดวก เพียงพิมพ์ข้อความที่ต้องการค้นหาใน Search Engine แล้วกดปุ่ม Go หรือ ปุ่มค้นหา ข้อมูลหรือสารสนเทศที่ต้องการก็จะปรากฏบนหน้าจอ
เว็บไซต์ที่ค้นหาข้อมูลสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. Search Engine คือ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ เหมาะที่จะค้นหาข้อมูลประเภทเจาะจงมากๆ
2. Search Directories คือ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลที่ใช้คนในการรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ และแต่ละเว็บเพจได้รับการจัดเป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสม
ตัวเชื่อมที่ใช้เพื่อการค้นหาข้อมูล มีดังนี้
AND ค้นหาเฉพาะเว็บเพจที่มีคำทั้งสองคำอยู่ด้วยกัน
OR ค้นหาเว็บเพจที่มีคำใดคำหนึ่งหรือมีทั้งสองคำ
NOT ค้นหาเว็บเพจที่ไม่มีคำนี้อยู่
หรือจะใช้เครื่องหมายดอกจัน (*) ในคำที่ใช้ค้นหาก็ได้
“ ” ให้ค้นหาเฉพาะเว็บเพจที่มีประโยคที่อยู่ในเครื่องหมายดังกล่าว
NEAR/n ค้นหาเว็บเพจซึ่งมี 2 คำ ที่เราใช้ในการค้นหา อยู่ใกล้กันภายใน n คำใน
เนื้อหา
การสืบค้นด้วย Google ในระดับสูง
1. เข้าไปใน Google.com
2. เลือกวิธีการค้นหาในระดับสูง
3. ระบุคำหรือสิ่งที่ต้องการค้นหา
4. ระบุจำนวนสิ่งที่เราค้นหาให้ปรากฏบนหน้าจอ
5. ระบุชนิดของไฟล์ที่ต้องการค้นหา
...........................................................................
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ประโยชน์ของ Google
ใบงาน
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์ นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ปี 2552
ส่ง อ.อภิชาติ วัชรพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช
...............................................................................................................................
ข้อที่ 2 ประโยชน์ของ Google
Google เป็นเว็บไซต์ หนึ่ง ที่มีประโยชน์และทรงคุณค่าสำหรับการสืบค้นข้อมูลและการค้นหาความรู้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอสรุปประโยชน์ของ Google ได้ดังนี้
ประโยชน์ของ Google นั้นมีมากมาย และสามารถแบ่งประโยชน์ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. การให้บริการในกลุ่มดัชนีค้นหา (Search Engines) Google Web Search Features ประกอบด้วยบริการค้นหาดังต่อไปนี้
1.1 Cached Links เป็นการให้บริการช่วยจับประเด็นหรือหัวเรื่องสำคัญของเว็บไซต์ที่
ต้องการค้นหา
1.2 Calculator เป็นการบริการทางด้านเครื่องคำนวณทางคณิตศาสตร์
1.3 Currency Conversion เป็นการให้บริการแปลงหน่วยมาตราเงินสำหรับระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา
1.4 Definitions เป็นการให้บริการค้นหาคำศัพท์
1.5 File Types เป็นดัชนีค้นหาสินค้าออนไลน์ทั่วทุกมุมโลก
1.6 Groups เป็นการหาข้อมูลข่าวสารที่มีคนโพสต์กันบนเว็บไซต์
1.7 I’m Feeling Lucky เป็นบริการดัชนีค้นหาที่ช่วยให้ค้นหาเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น โดยข้ามลิงค์ของเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกตัดออกไป
1.8 Images เป็นระบบดัชนีค้นหารูปภาพที่คลิกได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ
1.9 Local Search เป็นบริการค้นหาธุรกิจและบริการต่างๆ ที่เปิดในสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา
1.10 Movie เป็นการบริการให้เข้าไปดูรีวิวภาพยนตร์หรือว่าตารางโปรแกรมฉายแบบ
เรียลไทม์ได้จากพีเจอร์นี้
2
1.11 Music Search เป็นดัชนีค้นหาเพลงหรือว่าดนตรีที่มิให้บริการฟังเพลงออนไลน์หรือ
ว่าดาวน์โหลดเพลงจากทั่วโลก
1.12 New Headlines เป็นการให้บริการที่ทำให้สามารถรู้ข้อมูลข่าวสารทันทีจากการที่มีการส่งมาจากรอบโลกแบบเรียลไทม์
1.13 PhoneBook เป็นบริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์และเลขที่บนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา
1.14 Q & A เป็นบริการแบบใหม่ที่ Google สามารถตอบปัญหาให้ได้ทุกเรื่อง
1.15 Similar Pages เป็นบริการแสดงหน้าเว็บเพจที่แสดงผลในหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง
1.16 Site Search เป็นการกำหนดขอบเขตของการค้นหาเว็บไซต์ให้แคบลง
1.17 Spell Checker เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสะกดคำ
1.18 Stock Quotes เป็นดัชนีค้นหาสำหรับราคาหุ้นแบบเรียลไทม์
1.19 Travel Information เป็นบริการตรวจสอบสายการบินในสหรัฐ รวมถึงรายงานสภาพอากาศของสนามบิน
1.20 Weather เป็นบริการตรวจสอบสภาพอากาศและการพยากรณ์อากาศในทุกรัฐของสหรัฐ
1.21 Web Page Translation เป็นบริการแปลหน้าเอกสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นๆ
2. การให้บริการในกลุ่ม Google Services ซึ่งพอสรุปการให้บริการในกลุ่มนี้ดังนี้
2.1 Alerts เป็นให้การบริการแจ้งเตือนข่าวสารและผลการค้นหาผ่านอีเมล์แบบออนไลน์
2.2 Answer เป็นการให้บริการตอบคำถามได้ทุกเรื่อง
2.3 Blog Search เป็นการบริการค้นหาหัวข้อเท็จจริงที่เป็น Blog ในประเด็นที่สนใจ
2.4 Catalogs เป็นบริการค้นหารายการสินค้าที่สนใจและต้องการจะสั่งซื้อผ่านระบบออน์
ไลน์
2.5 Directory เป็นการให้บริการค้นหาสาระสำคัญต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์
2.6 Labs เป็นการให้บริการใหม่ๆ ของ Google ที่สามารถเข้าไปทดสอบใช้งานได้ฟรี ก่อนที่จะออกมาเป็นชุดเต็มของโปรแกรม
2.7 Mobile เป็นการให้บริการหลักของ Google ที่สามารถนำไปใช้ได้กับเครื่องโทรศัพท์มือถือ เช่น บริการดัชนีค้นหาเอกสาร รูปภาพ หรือส่ง SMS
2.8 New เป็นการให้บริการรายงานข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่มีให้บริการ
2.9 Scholar เป็นการให้บริการค้นหาเอกสารงานวิจัยใหม่ ๆ รวมทั้งบทคัดย่อจากห้องสมุดใหญ่ๆ มากมาย
3
2.10 Special Searches เป็นการให้บริการค้นหาประเด็นสาธารณะในส่วนที่เป็นองค์กร
หรือว่าสถาบันที่ไม่หวังผลกำไรต่างๆ รวมถึงบริการค้นหาเว็บไซต์ของสถานศึกษา
ต่างๆ ที่มีรายละเอียดในเรื่องของหลักสูตรการสอนและระเบียบวิธีการเข้าศึกษาต่อ
ทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
2.11 Video เป็นบริการค้นหารายการทีวีทางโทรทัศน์ เกมโชว์ มิวสิควิดีโอ ที่สามารถ
เช่าชั่วโมงมาดูกันแบบออนไลน์ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
3. การให้บริการในกลุ่ม Google Tools สามารถสรุปการให้บริการในกลุ่มนี้ดังนี้
3.1 Blogger เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือสำหรับสร้าง Blogger ของตนเองได้
3.2 Code เป็นเครื่องมือสำหรับดาวน์โหลด APls และ Source code
3.3 Desktop เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยค้นหาไฟล์และข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง
คอมพิวเตอร์
3.4 Earth เป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถค้นหาแผนที่โลกจากดาวเทียม
3.5 Gmail เป็นบริการอีเมล์รุ่นทดสอบของ Google ที่มีความจุกว่า 2.6 กิกะไบต์
3.6 Pack เป็นชุดเครื่องมือรวมฮิตของ Google รวมถึงบราวเซอร์สุดเก่ง
3.7 Picasa เป็นเครื่องมือสำหรับการบริหารและจัดการรูปภาพทั้งหมดที่มีอยู่ใน
คอมพิวเตอร์
3.8 Local for Mobile เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหาแผนที่ของสถานที่ต่างๆ บน
โทรศัพท์มือถือ
3.9 Talk เป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถพูดคุย ส่งอีเมล์ กับเพื่อนแบบเรียลไทม์ออนไลน์
4. ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของ Google พอที่จะสรุปได้ดังนี้
4.1 Google Mail เป็นบริการอีเมล์ฟรีและมีขนาดพื้นที่เก็บเมลล์ใหญ่จุใจ
4.2 Google Adsense เป็นแหล่งทำเงินบนอินเตอร์เน็ตชั้นดี
4.3 Google Adwords เป็นการนำไปประยุกต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเว็บไซต์ได้อย่าง
รวดเร็ว
4.4 Google Webmaster Tools เป็นเครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ซึ่งก็จะช่วยเว็บ
มาสเตอร์ในการส่งเว็บไซต์ของตนเข้าสู่การ Index ในกูเกิ้ล และมีการเก็บสถิติการ
crawl จาก Google Bot ด้วย
4.5 Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์สถิติของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และยังสามารถ
บอกแหล่งที่มาของผู้เข้าชม และพื้นที่ของประเทศที่ผู้เข้าชมอาศัยอยู่ด้วย
4
4.6 ใช้ Blog เป็นเครื่องมือทางการตลาด เช่น เสนอสินค้า เผยแพร่ผลงาน ขายสินค้า
เป็นต้น
..................................................................
การบ้าน
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
เกี่ยวกับ
ประโยชน์ของ Google
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์
เลขที่ 6
นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา
วิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
นำเสนอ
อาจารย์อภิชาติ วัชรพันธุ์
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์ นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ปี 2552
ส่ง อ.อภิชาติ วัชรพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช
...............................................................................................................................
ข้อที่ 2 ประโยชน์ของ Google
Google เป็นเว็บไซต์ หนึ่ง ที่มีประโยชน์และทรงคุณค่าสำหรับการสืบค้นข้อมูลและการค้นหาความรู้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอสรุปประโยชน์ของ Google ได้ดังนี้
ประโยชน์ของ Google นั้นมีมากมาย และสามารถแบ่งประโยชน์ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. การให้บริการในกลุ่มดัชนีค้นหา (Search Engines) Google Web Search Features ประกอบด้วยบริการค้นหาดังต่อไปนี้
1.1 Cached Links เป็นการให้บริการช่วยจับประเด็นหรือหัวเรื่องสำคัญของเว็บไซต์ที่
ต้องการค้นหา
1.2 Calculator เป็นการบริการทางด้านเครื่องคำนวณทางคณิตศาสตร์
1.3 Currency Conversion เป็นการให้บริการแปลงหน่วยมาตราเงินสำหรับระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา
1.4 Definitions เป็นการให้บริการค้นหาคำศัพท์
1.5 File Types เป็นดัชนีค้นหาสินค้าออนไลน์ทั่วทุกมุมโลก
1.6 Groups เป็นการหาข้อมูลข่าวสารที่มีคนโพสต์กันบนเว็บไซต์
1.7 I’m Feeling Lucky เป็นบริการดัชนีค้นหาที่ช่วยให้ค้นหาเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น โดยข้ามลิงค์ของเว็บไซต์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกตัดออกไป
1.8 Images เป็นระบบดัชนีค้นหารูปภาพที่คลิกได้ง่ายและรวดเร็วทันใจ
1.9 Local Search เป็นบริการค้นหาธุรกิจและบริการต่างๆ ที่เปิดในสหรัฐ อังกฤษ และแคนาดา
1.10 Movie เป็นการบริการให้เข้าไปดูรีวิวภาพยนตร์หรือว่าตารางโปรแกรมฉายแบบ
เรียลไทม์ได้จากพีเจอร์นี้
2
1.11 Music Search เป็นดัชนีค้นหาเพลงหรือว่าดนตรีที่มิให้บริการฟังเพลงออนไลน์หรือ
ว่าดาวน์โหลดเพลงจากทั่วโลก
1.12 New Headlines เป็นการให้บริการที่ทำให้สามารถรู้ข้อมูลข่าวสารทันทีจากการที่มีการส่งมาจากรอบโลกแบบเรียลไทม์
1.13 PhoneBook เป็นบริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์และเลขที่บนท้องถนนของสหรัฐอเมริกา
1.14 Q & A เป็นบริการแบบใหม่ที่ Google สามารถตอบปัญหาให้ได้ทุกเรื่อง
1.15 Similar Pages เป็นบริการแสดงหน้าเว็บเพจที่แสดงผลในหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง
1.16 Site Search เป็นการกำหนดขอบเขตของการค้นหาเว็บไซต์ให้แคบลง
1.17 Spell Checker เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสะกดคำ
1.18 Stock Quotes เป็นดัชนีค้นหาสำหรับราคาหุ้นแบบเรียลไทม์
1.19 Travel Information เป็นบริการตรวจสอบสายการบินในสหรัฐ รวมถึงรายงานสภาพอากาศของสนามบิน
1.20 Weather เป็นบริการตรวจสอบสภาพอากาศและการพยากรณ์อากาศในทุกรัฐของสหรัฐ
1.21 Web Page Translation เป็นบริการแปลหน้าเอกสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาอื่นๆ
2. การให้บริการในกลุ่ม Google Services ซึ่งพอสรุปการให้บริการในกลุ่มนี้ดังนี้
2.1 Alerts เป็นให้การบริการแจ้งเตือนข่าวสารและผลการค้นหาผ่านอีเมล์แบบออนไลน์
2.2 Answer เป็นการให้บริการตอบคำถามได้ทุกเรื่อง
2.3 Blog Search เป็นการบริการค้นหาหัวข้อเท็จจริงที่เป็น Blog ในประเด็นที่สนใจ
2.4 Catalogs เป็นบริการค้นหารายการสินค้าที่สนใจและต้องการจะสั่งซื้อผ่านระบบออน์
ไลน์
2.5 Directory เป็นการให้บริการค้นหาสาระสำคัญต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์
2.6 Labs เป็นการให้บริการใหม่ๆ ของ Google ที่สามารถเข้าไปทดสอบใช้งานได้ฟรี ก่อนที่จะออกมาเป็นชุดเต็มของโปรแกรม
2.7 Mobile เป็นการให้บริการหลักของ Google ที่สามารถนำไปใช้ได้กับเครื่องโทรศัพท์มือถือ เช่น บริการดัชนีค้นหาเอกสาร รูปภาพ หรือส่ง SMS
2.8 New เป็นการให้บริการรายงานข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่มีให้บริการ
2.9 Scholar เป็นการให้บริการค้นหาเอกสารงานวิจัยใหม่ ๆ รวมทั้งบทคัดย่อจากห้องสมุดใหญ่ๆ มากมาย
3
2.10 Special Searches เป็นการให้บริการค้นหาประเด็นสาธารณะในส่วนที่เป็นองค์กร
หรือว่าสถาบันที่ไม่หวังผลกำไรต่างๆ รวมถึงบริการค้นหาเว็บไซต์ของสถานศึกษา
ต่างๆ ที่มีรายละเอียดในเรื่องของหลักสูตรการสอนและระเบียบวิธีการเข้าศึกษาต่อ
ทั้งในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
2.11 Video เป็นบริการค้นหารายการทีวีทางโทรทัศน์ เกมโชว์ มิวสิควิดีโอ ที่สามารถ
เช่าชั่วโมงมาดูกันแบบออนไลน์ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์
3. การให้บริการในกลุ่ม Google Tools สามารถสรุปการให้บริการในกลุ่มนี้ดังนี้
3.1 Blogger เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือสำหรับสร้าง Blogger ของตนเองได้
3.2 Code เป็นเครื่องมือสำหรับดาวน์โหลด APls และ Source code
3.3 Desktop เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยค้นหาไฟล์และข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในเครื่อง
คอมพิวเตอร์
3.4 Earth เป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถค้นหาแผนที่โลกจากดาวเทียม
3.5 Gmail เป็นบริการอีเมล์รุ่นทดสอบของ Google ที่มีความจุกว่า 2.6 กิกะไบต์
3.6 Pack เป็นชุดเครื่องมือรวมฮิตของ Google รวมถึงบราวเซอร์สุดเก่ง
3.7 Picasa เป็นเครื่องมือสำหรับการบริหารและจัดการรูปภาพทั้งหมดที่มีอยู่ใน
คอมพิวเตอร์
3.8 Local for Mobile เป็นเครื่องมือสำหรับค้นหาแผนที่ของสถานที่ต่างๆ บน
โทรศัพท์มือถือ
3.9 Talk เป็นเครื่องมือที่ทำให้สามารถพูดคุย ส่งอีเมล์ กับเพื่อนแบบเรียลไทม์ออนไลน์
4. ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของ Google พอที่จะสรุปได้ดังนี้
4.1 Google Mail เป็นบริการอีเมล์ฟรีและมีขนาดพื้นที่เก็บเมลล์ใหญ่จุใจ
4.2 Google Adsense เป็นแหล่งทำเงินบนอินเตอร์เน็ตชั้นดี
4.3 Google Adwords เป็นการนำไปประยุกต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเว็บไซต์ได้อย่าง
รวดเร็ว
4.4 Google Webmaster Tools เป็นเครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ซึ่งก็จะช่วยเว็บ
มาสเตอร์ในการส่งเว็บไซต์ของตนเข้าสู่การ Index ในกูเกิ้ล และมีการเก็บสถิติการ
crawl จาก Google Bot ด้วย
4.5 Google Analytics เป็นบริการวิเคราะห์สถิติของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และยังสามารถ
บอกแหล่งที่มาของผู้เข้าชม และพื้นที่ของประเทศที่ผู้เข้าชมอาศัยอยู่ด้วย
4
4.6 ใช้ Blog เป็นเครื่องมือทางการตลาด เช่น เสนอสินค้า เผยแพร่ผลงาน ขายสินค้า
เป็นต้น
..................................................................
การบ้าน
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
เกี่ยวกับ
ประโยชน์ของ Google
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์
เลขที่ 6
นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา
วิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
นำเสนอ
อาจารย์อภิชาติ วัชรพันธุ์
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ความหมายความสำคัญของคำที่เกี่ยวข้องของการสื่อสารและเทคโนโลยี
ใบงาน
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์ นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ปี 2552
ส่ง อ.อภิชาติ วัชรพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช
........................................................................................................................................
ข้อที่ 1 อธิบายความหมายของคำสำคัญดังต่อไปนี้ พร้อมกับยกตัวอย่าง( ศึกษากรณีศึกษาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศในสถานศึกษา) ดังต่อไปนี้
1.1 การจัดการและการบริหาร หมายถึง ความสามารถในการบริหารกระบวนการอย่างเป็นระบบเป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการจัดการขององค์การนั้น ซึ่งต้องมีการวางแผนกำหนดการและจัดการทรัพยากรภายในองค์กรเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์การนั้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
1.2 นวัตกรรม หมายถึง การนำสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำรวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ที่นำมาใช้ในระบบการศึกษา มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียนและช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน
1.3 เทคโนโลยีการศึกษา หมายถึง เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการหรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับาถานการณ์ในการแก้ปัญหา หรือทางการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ในการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
1.4 ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติ อาจเกี่ยวข้องกับบุคคล สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่สนใจศึกษา ข้อมูลมักอยู่ในรูปแบบตัวเลข ตัวหนังสือ รูปภาพ แผนภูมิคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น
1.5 สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายต่อผู้รับ
2
1.6 ระบบสารสนเทศ หมายถึง การนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการรวบรวมจัดเก็บโดยมีส่วนเก็บข้อมูล ผ่านกระบวนการจัดการกับข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นสารสนเทศที่ดีสามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้อง
1.7 ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา เป็นการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูล ประมวลผลข้อมูล การนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการศึกษาและใช้เป็นสื่อกลางในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ และใช้เป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอน
1.8 การสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนหรือติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ส่งกับผู้รับสาร โดยผ่านช่องทางนำสารหรือสื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันและกัน
1.9 เครือข่าย เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูล ใช้เครื่องพิมพ์หรือทรัพยากรทางคอมพิวเตอร์ร่วมกันได้
1.10 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นการผสานเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสารโทรคมนาคม จะครอบคลุมองค์ประกอบต่างๆ 3 ส่วนดังนี้
1) ระบบการสื่อสาร
2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร
3) ซอฟแวร์ที่ทำให้ระบบและอุปกรณ์ทำงานได้
1.11 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา หมายถึงศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการหรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาหรือต่อการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบที่เข้ามามีบทบาทในด้านการจัดการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เกิดแรงสูงใจในการเรียน ช่วยประหยัดเวลาในการเรียน
......................................
วิชา การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
จัดทำโดย
น.ส.วิมล นาวารัตน์ นักศึกษา ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ปี 2552
ส่ง อ.อภิชาติ วัชรพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช
........................................................................................................................................
ข้อที่ 1 อธิบายความหมายของคำสำคัญดังต่อไปนี้ พร้อมกับยกตัวอย่าง( ศึกษากรณีศึกษาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศในสถานศึกษา) ดังต่อไปนี้
1.1 การจัดการและการบริหาร หมายถึง ความสามารถในการบริหารกระบวนการอย่างเป็นระบบเป็นการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการจัดการขององค์การนั้น ซึ่งต้องมีการวางแผนกำหนดการและจัดการทรัพยากรภายในองค์กรเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ขององค์การนั้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
1.2 นวัตกรรม หมายถึง การนำสิ่งใหม่ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของความคิดหรือการกระทำรวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ที่นำมาใช้ในระบบการศึกษา มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเกิดแรงจูงใจในการเรียนและช่วยให้ประหยัดเวลาในการเรียน
1.3 เทคโนโลยีการศึกษา หมายถึง เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการหรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับาถานการณ์ในการแก้ปัญหา หรือทางการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ในการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
1.4 ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ในธรรมชาติ อาจเกี่ยวข้องกับบุคคล สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่สนใจศึกษา ข้อมูลมักอยู่ในรูปแบบตัวเลข ตัวหนังสือ รูปภาพ แผนภูมิคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น
1.5 สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลด้วยวิธีการต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายต่อผู้รับ
2
1.6 ระบบสารสนเทศ หมายถึง การนำเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการรวบรวมจัดเก็บโดยมีส่วนเก็บข้อมูล ผ่านกระบวนการจัดการกับข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลนั้นกลายเป็นสารสนเทศที่ดีสามารถนำไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็วและถูกต้อง
1.7 ระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษา เป็นการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเก็บรวบรวมข้อมูล บันทึกข้อมูล ประมวลผลข้อมูล การนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการศึกษาและใช้เป็นสื่อกลางในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ และใช้เป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอน
1.8 การสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนหรือติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้ส่งกับผู้รับสาร โดยผ่านช่องทางนำสารหรือสื่อเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันและกัน
1.9 เครือข่าย เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูล ใช้เครื่องพิมพ์หรือทรัพยากรทางคอมพิวเตอร์ร่วมกันได้
1.10 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นการผสานเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสารโทรคมนาคม จะครอบคลุมองค์ประกอบต่างๆ 3 ส่วนดังนี้
1) ระบบการสื่อสาร
2) อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร
3) ซอฟแวร์ที่ทำให้ระบบและอุปกรณ์ทำงานได้
1.11 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษา หมายถึงศาสตร์ที่ว่าด้วยวิธีการหรือการใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาหรือต่อการปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบที่เข้ามามีบทบาทในด้านการจัดการศึกษา เพื่อมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ระบบการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเกิดการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เกิดแรงสูงใจในการเรียน ช่วยประหยัดเวลาในการเรียน
......................................
สรุปองค์ความรู้ที่ อ.อภิชาติ สอนในวันเสาร์ที่
สรุปองค์ความรู้จากการเรียนวิชา การจัดการนวัตกรรมและสานสนเทศ รหัส 1036301
ประจำวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2552 อ.อภิชาติ วัชรพันธุ์ ผู้สอน สรุปได้ดังนี้
ผู้ทำการสรุป น.ส.วิมล นาวารัตน์ เลขที่ 6
หลักสูตร ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช
...................................................................................
ในวันนี้เริ่มแรก อ.อภิชาติ วัชรพันธุ์ ได้ทำการทบทวนในเรื่องการสร้างบล็อกให้กับนักศึกษา ซึ่ง อ.ได้เน้นย้ำและทำการสาธิตให้นักศึกษาดูจนเกิดความเข้าใจ และนักศึกษาทำการสร้างบล็อกบนของตนเองได้ทุกคน ซึ่งก่อนจะทำการสร้างบล็อกนั้น อ.ได้ให้นักศึกษาได้ทำการสมัคร E-mail กันทุกคน ที่ Gmail.com และเมื่อนักศึกษาได้สร้างบล็อกเป็นของตนเองแล้ว
อ.ได้สอนให้สร้างข้อความลงในบล็อก แล้วบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งการใส่ภาพพื้นหลัง ภาพอื่นๆ ประกอบใส่ลงในบล็อก ซึ่งนักศึกษาเรียนอย่างมีความกระตือรือร้น และดิฉันได้นำความรู้ไปฝึกปฏิบัติ และได้สมัคร E-mail และสร้างบล็อก ได้ดังนี้
ซึ่ง ชื่อ E-mail ของดิฉันคือ Wimon006@Gmail.com
ชื่อ Web blog ของดิฉันคือ Navarut006.blogspot.com
ต่อจากนั้น อ.ได้สอนให้นักศึกษาได้สอนเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารจาก Web Google จากการค้นจากแบบขั้นสูง ซึ่งเป็นการค้นหาและสามารถเลือกรูปแบบของชนิดของไฟล์ข้อมูล และ จำนวนของไฟล์ข้อมูล ได้ ซึ่งดิฉันได้เรียนรู้ และสามารถปฏิบัติสืบค้นหาข้อมูลได้เป็นอย่างดี และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาวิชาชีพได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้น อ.ได้สอนอภิปรายฉายสไลด์ทางโปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ พอที่จะสรุปได้ดังนี้
แนวคิดและกลยุทธ์ในการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ดังนี้
1. Workforce Architecture
2. Workforce Deliverables
3. Performance Drivers
4. Organization Outcomes
เครื่องมือในการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ
1. Data
2. Information
3. Knowledge
4. Wisdom
5. Intelligence
รูปแบบของความรู้
1. Explicit Knowledge ความรู้ที่ชัดแจ้ง
เอกสาร กฎระเบียบ วิธีปฏิบัติ ระบบ สื่อต่างๆ วีซีดี เทป อินเตอร์เน็ต
2. Tacit Knowledge ความรู้ที่ยั่งยืน
ทักษะ ประสบการณ์ ความคิด พรสวรรค์
กระบวนการจัดการความรู้ Knowledge Process
1. การกำหนดสิ่งที่ต้องเรียนรู้ Knowledge Identification
2. การแสวงหาความรู้ Knowledge Acquisition
3. การจัดเก็บและค้นคืนความรู้ Knowledge Storage & Retrieval
4. การสร้างความรู้ Knowledge Creation
5. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ Knowledge Codefica
6. การถ่ายโอนและใช้ประโยชน์จากความรู้
7. การแบ่งปันความรู้
8. การรักษาความรู้
การวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้ (Knowledge Engineer)
1. Capture การรับความรู้
2. Analysis การวิเคราะห์ความรู้ที่รับไว้
3. Validation การตรวจสอบความถูกต้องของความรู้
4. Modelling การสังเคราะห์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้
1. Explicit Knowledge
เอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. Tacit Knowledge
ทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ นวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง
การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้
การสร้างความรู้ทีดี ควรมีดังนี้
1. เรื่องเล่าหรือคำพูดที่เร้าใจ
- Storly
- Case
- Tips
- Tacit
- Knowledge
2. การถอดบทเรียนได้
- ประเด็น
- คำแนะนำ
- Explicit
- Knowledge
3. แหล่งอ้างอิง
- Reference
องค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการความรู้
1. คน
2. เทคโนโลยี
3. กระบวนการความรู้
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
1. ผู้บริหาร
2. บรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กร
3. การสื่อสาร
4. เทคโนโลยีเข้ากับพฤติกรรมและการทำงาน
5. การใช้ความรู้เรื่องการจัดการความรู้และการใช้เทคโนโลยี
6. แผนงานชัดเจน
7. การประเมินผลโดยใช้ตัวชี้วัด
8. การสร้างแรงจูงใจ
สุดท้ายนี้ อ.อภิชาติ ได้บอกชื่อเว็บบล็อกของอาจารย์ ไว้คือ Apichatwat02.blogspot.com
……………………………………………………
ประจำวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2552 อ.อภิชาติ วัชรพันธุ์ ผู้สอน สรุปได้ดังนี้
ผู้ทำการสรุป น.ส.วิมล นาวารัตน์ เลขที่ 6
หลักสูตร ป.บัณฑิตบริหารการศึกษา ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช
...................................................................................
ในวันนี้เริ่มแรก อ.อภิชาติ วัชรพันธุ์ ได้ทำการทบทวนในเรื่องการสร้างบล็อกให้กับนักศึกษา ซึ่ง อ.ได้เน้นย้ำและทำการสาธิตให้นักศึกษาดูจนเกิดความเข้าใจ และนักศึกษาทำการสร้างบล็อกบนของตนเองได้ทุกคน ซึ่งก่อนจะทำการสร้างบล็อกนั้น อ.ได้ให้นักศึกษาได้ทำการสมัคร E-mail กันทุกคน ที่ Gmail.com และเมื่อนักศึกษาได้สร้างบล็อกเป็นของตนเองแล้ว
อ.ได้สอนให้สร้างข้อความลงในบล็อก แล้วบันทึกและเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว รวมทั้งการใส่ภาพพื้นหลัง ภาพอื่นๆ ประกอบใส่ลงในบล็อก ซึ่งนักศึกษาเรียนอย่างมีความกระตือรือร้น และดิฉันได้นำความรู้ไปฝึกปฏิบัติ และได้สมัคร E-mail และสร้างบล็อก ได้ดังนี้
ซึ่ง ชื่อ E-mail ของดิฉันคือ Wimon006@Gmail.com
ชื่อ Web blog ของดิฉันคือ Navarut006.blogspot.com
ต่อจากนั้น อ.ได้สอนให้นักศึกษาได้สอนเกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารจาก Web Google จากการค้นจากแบบขั้นสูง ซึ่งเป็นการค้นหาและสามารถเลือกรูปแบบของชนิดของไฟล์ข้อมูล และ จำนวนของไฟล์ข้อมูล ได้ ซึ่งดิฉันได้เรียนรู้ และสามารถปฏิบัติสืบค้นหาข้อมูลได้เป็นอย่างดี และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาวิชาชีพได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้น อ.ได้สอนอภิปรายฉายสไลด์ทางโปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ พอที่จะสรุปได้ดังนี้
แนวคิดและกลยุทธ์ในการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ ดังนี้
1. Workforce Architecture
2. Workforce Deliverables
3. Performance Drivers
4. Organization Outcomes
เครื่องมือในการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ
1. Data
2. Information
3. Knowledge
4. Wisdom
5. Intelligence
รูปแบบของความรู้
1. Explicit Knowledge ความรู้ที่ชัดแจ้ง
เอกสาร กฎระเบียบ วิธีปฏิบัติ ระบบ สื่อต่างๆ วีซีดี เทป อินเตอร์เน็ต
2. Tacit Knowledge ความรู้ที่ยั่งยืน
ทักษะ ประสบการณ์ ความคิด พรสวรรค์
กระบวนการจัดการความรู้ Knowledge Process
1. การกำหนดสิ่งที่ต้องเรียนรู้ Knowledge Identification
2. การแสวงหาความรู้ Knowledge Acquisition
3. การจัดเก็บและค้นคืนความรู้ Knowledge Storage & Retrieval
4. การสร้างความรู้ Knowledge Creation
5. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ Knowledge Codefica
6. การถ่ายโอนและใช้ประโยชน์จากความรู้
7. การแบ่งปันความรู้
8. การรักษาความรู้
การวิเคราะห์และสังเคราะห์ความรู้ (Knowledge Engineer)
1. Capture การรับความรู้
2. Analysis การวิเคราะห์ความรู้ที่รับไว้
3. Validation การตรวจสอบความถูกต้องของความรู้
4. Modelling การสังเคราะห์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้
1. Explicit Knowledge
เอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. Tacit Knowledge
ทีมข้ามสายงาน กิจกรรมกลุ่มคุณภาพ นวัตกรรม ชุมชนแห่งการเรียนรู้ ระบบพี่เลี้ยง
การยืมตัว เวทีแลกเปลี่ยนความรู้
การสร้างความรู้ทีดี ควรมีดังนี้
1. เรื่องเล่าหรือคำพูดที่เร้าใจ
- Storly
- Case
- Tips
- Tacit
- Knowledge
2. การถอดบทเรียนได้
- ประเด็น
- คำแนะนำ
- Explicit
- Knowledge
3. แหล่งอ้างอิง
- Reference
องค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการความรู้
1. คน
2. เทคโนโลยี
3. กระบวนการความรู้
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
1. ผู้บริหาร
2. บรรยากาศและวัฒนธรรมองค์กร
3. การสื่อสาร
4. เทคโนโลยีเข้ากับพฤติกรรมและการทำงาน
5. การใช้ความรู้เรื่องการจัดการความรู้และการใช้เทคโนโลยี
6. แผนงานชัดเจน
7. การประเมินผลโดยใช้ตัวชี้วัด
8. การสร้างแรงจูงใจ
สุดท้ายนี้ อ.อภิชาติ ได้บอกชื่อเว็บบล็อกของอาจารย์ ไว้คือ Apichatwat02.blogspot.com
……………………………………………………
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)